ศาลปกครองกลาง สั่งเพิกถอนคำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัดคะแนนความประพฤติ “เนติวิทย์”และพวก กรณีแสดงความไม่เหมาะสมระหว่างร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนนิสิตใหม่
วันที่ 4 มี.ค.2562 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกคำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่4928/2560 เรื่อง “ลงโทษตัดคะแนนความประพฤตินิสิต” ลงวันที่ 30 ส.ค.2560 เฉพาะส่วนที่วินิจฉัยว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กับพวก ซึ่งเป็นนิสิตคณะรัฐศาสตร์ คณะครุศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ รวม 8คน กระทำผิดวินัยนิสิต ตามข้อ 8 ของระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าด้วยวินัยนิสิต พ.ศ.2527 และ มติของคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ของนิสิต ในการประชุมครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ตามคำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่0408/2561 เรื่อง “แก้ไขคำสั่งลงโทษตัดคะแนนความประพฤตินิสิต” ลงวันที่ 26 ม.ค.2561 เฉพาะส่วนที่วินิจฉัยว่า นายเนติวิทย์กับพวกรวม 8คน กระทำผิดวินัยนิสิต ตามข้อ8 ของระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าด้วยวินัยนิสิต พ.ศ.2527 และที่ให้ลงโทษตัดคะแนนความประพฤติของนายเนติวิทย์กับพวกรวม 8 คน
สำหรับการกระทำผิดวินัยนิสิตในข้อดังกล่าว 10 คะแนน (2) คำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ 4929/2560 เรื่อง “ให้สมาชิกสภานิสิตสามัญพ้นจากตำแหน่ง” ลงวันที่ 30 ส.ค.2650 ที่ให้นายเนวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ,นายศุภลักษณ์ บำรุงกิจ ,นายธรณ์เทพ มณีเจริญ ,นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี และนายชินวัตร งามละมัย พ้นจากตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภานิสิตสามัญ ประจำปีการศึกษา 2560 โดยให้มีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่มีคำสั่ง
ทั้งนี้คดีดังกล่าวนายเนติวิทย์ กับพวกรวม 8 คน ยื่นฟ้องจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์หรืออุทธรณ์ของนิสิตต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2561 ว่า ลงโทษตัดคะแนนความประพฤตินิสิตฯ และถูกสั่งเพิกถอนการเป็นสมาชิกสภานิสิตสามัญจุฬาฯ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากเหตุที่ตนเองและพวกเดินออกไม่ถวายบังคมต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราช และสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าระหว่างร่วมพิธีถวายสัตย์ปฎิญานและถวายบังคมของนิสิตใหม่ประจำปี 2560 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 60 จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว และให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชดใช้สินไหมทดแทนแก่นายเนติวิทย์กับพวกทั้ง 8 คนคนละ 10,000บาท รวมเป็นเงิน 80,000บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะชำระให้นายเนติวิทย์กับพวกทั้ง 8 คนจนเสร็จสิ้น
โดยเหตุผลที่ศาลปกครองสั่งเพิกถอนคำสั่งตัดคะแนนดังกล่าวระบุว่า จากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า แม้การกระทำของนายเนติวิทย์ และกลุ่มเพื่อน 8คน ที่แสดงความไม่เหมาะสมในขณะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ระหว่างทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนนิสิตใหม่ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2560 จนเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นนั้น จะเป็นการกระทำที่ไม่รักษา ซึ่งความสามัคคี ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และชื่อเสียงเกียรติคุณของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการกระทำผิดวินัยนิสิตตามข้อ 6 ของระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าด้วยวินัยนิสิต พ.ศ.2527 แต่ก็ไม่เข้าข่ายความผิดระเบียบในข้อ 8 ตามที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวอ้าง
ดังนั้นการที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกคำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่4928/2560 เรื่อง ลงโทษตัดคะแนนความประพฤตินิสิต ลงวันที่ 30 ส.ค. 2560 ,คำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ 4929/2560 เรื่อง ให้สมาชิกสภานิสิตสามัญพ้นจากตำแหน่ง ลงวันที่ 30 ส.ค.2650 และคำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่0408/2561 เรื่อง แก้ไขคำสั่งลงโทษตัดคะแนนความประพฤตินิสิต ลงวันที่ 26 ม.ค.2561 ลงโทษตัดคะแนนความประพฤตินิสิตของนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กับพวก โดยอ้างว่า กระทำผิดวินัยนิสิต ตามข้อ8 ของระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าด้วยวินัยนิสิต พ.ศ.2527 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งจุฬาลงกรณ์ เฉพาะส่วนที่วินิจฉัยความผิดดังกล่าว
พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัด “พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน” ขึ้นเป็นประจำทุกปีสำหรับนิสิตชั้นปีที่หนึ่ง ซึ่งมาจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน โดยระบุจุดประสงค์เพื่อปลูกฝังให้นิสิตเกิดความสมัครสมานสามัคคี และสร้างจิตสำนึกในการเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย เพื่อให้คำมั่นว่าจะเป็นนิสิตที่ดี และพลเมืองดีของประเทศชาติ
โดยการปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าถือเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ต่อสองพระมหากษัตริย์ผู้ทรงก่อตั้งและสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นกษัตริย์ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศไทย
นอกจากนี้พิธีการดังกล่าวยังสืบเนื่องและเกี่ยวข้องโดยตรงกับจุดเริ่มต้นของมหาวิทยาลัยในฐานะโรงเรียนมหาดเล็ก ซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ. 2445 และต่อมาพัฒนาเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2453 และสถาปนาเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2459 ตามลำดับ การถวายบังคมเป็นการแสดงความเคารพของมหาดเล็กต่อพระมหากษัตริย์
การเลือกใช้รูปแบบการแสดงความเคารพดังกล่าวจึงมีความหมายเฉพาะสำหรับนิสิตชั้นปีที่หนึ่งของจุฬาฯ ถือเป็นการระลึกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของมหาวิทยาลัย โดยทางมหาวิทยาลัยระบุด้วยว่า พิธีการนี้ไม่ได้เป็นเพียงพิธีการเพื่อความเป็นสิริมงคลเท่านั้น แต่ถือเป็นห้วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะเข้าสู่การเป็นนิสิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างเต็มภาคภูมิอีกด้วย