บัตรทอง

สปสช. แจ้ง 1 ต.ค.นี้ ยกเลิกสัญญารพ.-คลินิก ทุจริตงบบัตรทองอีก 108 แห่ง

สปสช. เผย พบการเบิกจ่ายทุจริต 108 แห่ง จะยกเลิกการเป็นคู่สัญญามีผล 1 ต.ค.นี้ สามารถใช้สิทธิ์เข้ารักษาในสถานพยาบาลสังกัดของสปสช.ในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล

Home / NEWS / สปสช. แจ้ง 1 ต.ค.นี้ ยกเลิกสัญญารพ.-คลินิก ทุจริตงบบัตรทองอีก 108 แห่ง

ประเด็นน่าสนใจ

  • สปสช. เผย พบการเบิกจ่ายทุจริต 108 แห่ง จะยกเลิกการเป็นคู่สัญญามีผล 1 ต.ค.นี้
  • เป็นโรงพยาบาล 10 แห่ง คลินิกอีก 98 แห่ง ซึ่งมีทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกอายุรกรรม และคลินิคทันตกรรม
  • สามารถใช้สิทธิ์เข้ารักษาในสถานพยาบาลสังกัดของสปสช.ในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล

วานนี้ (30 ก.ย.63) นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ตรวจสอบพบการเบิกจ่ายทุจริต 108 แห่ง ซึ่ง สปสช.จะยกเลิกการเป็นคู่สัญญามีผล 1 ต.ค.นี้ แบ่งเป็นโรงพยาบาล 10 แห่ง คลินิกอีก 98 แห่ง ซึ่งมีทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกอายุรกรรม และคลินิคทันตกรรม ทำให้ขณะนี้ สปสช.ได้ยกเลิกสัญญาหน่วยบริการไปแล้ว 190 แห่ง กระทบต่อผู้ใช้สิทธิ์กว่า 2,000,000 คนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

เบื้องต้น สปสช.ได้ดำเนินการเปิดให้ใช้สิทธิ์สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถใช้บริการในหน่วยบริการของรัฐที่ใดก็ได้ โดยไม่ต้องมีการลงทะเบียนหรือมีใบรักษาตัวส่งต่อ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องนอนโรงพยาบาล รักษาต่อเนื่อง รอการผ่าตัด ล้างไต ทำคลอด เข้ารับการรักษาได้ทันทีไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถใช้สิทธิ์เข้ารักษาในสถานพยาบาลสังกัดของสปสช.ในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล

ส่วนกลุ่มที่รับยาต่อเนื่องแต่ไม่มีการทำหัตถการ อยู่ระหว่างการประสานย้ายสิทธิ์ เบื้องต้นให้เข้ารับการรักษาที่ศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ย้ำว่าไม่ต้องไปลงทะเบียนที่ศูนย์หรือหน่วยบริการใด ๆ สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐที่สะดวกได้เลยในช่วง 2-3 เดือนนี้

ด้านนพ.การุณ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช.เปิดเผยว่า เบื้องต้นทำเป็นขบวนการ และมีลักษณะการกระทำความผิดที่คล้ายกัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน สปสช.จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนในการยกเลิกการเป็นคู่สัญญา เพื่อประโยชน์ของประชาชนและเพื่อการเบิกจ่ายงบประมาณที่ถูกต้องเป็นธรรม ย้ำว่า ประชาชนยังคงสิทธิ์ในการรักษาอยู่

ทั้งนี้หน่วยบริการประจำหรือหน่วยบริการปฐมภูมิหลายแห่งยังคงเปิดให้บริการอยู่ขอให้ประชาชนส่วนที่ไม่กระทบเข้ารับการรักษาในหน่วยบริการที่ระบุก่อน เพื่อลดความแออัดในสถานพยาบาล สำหรับการยกเลิกสถานพยาบาลในกลุ่มที่ 3 ประมาณ 108 แห่ง กระทบต่อประชาชน 200,000-300,000 คนที่รักษาต่อเนื่อง แต่สปสช.ได้เปิดสิทธิ์พิเศษให้กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบแล้วในขณะนี้ที่จะสามารถเข้ารับการตรวจรักษาในสถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้านได้

สำหรับประวัติการรักษาของผู้ป่วย สปสช.ได้เปิดศูนย์ข้อมูลให้หน่วยบริการต่างๆสามารถเข้าใช้ข้อมูลได้เลย อีกส่วนที่ สปสช.เร่งดำเนินการ คือ การเปิดรับคู่สัญญารายใหม่เข้ามา โดยการปรับลดขั้นตอนการประเมิน คาดว่าจะเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้

นายจิราวุสฐ์ สุขได้พึ่ง ประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กล่าวถึง การดำเนินคดีแจ้งความเอาผิดทางอาญาครบทุกสถานพยาบาล ทั้ง 3 รอบ โดยจะดำเนินการกับ

  • -ผู้ประกอบรับใบอนุญาต
  • -ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล(แพทย์)
  • -ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตรวจและทำเอกสารเบิกจ่าย

หากพบว่าคลินิกเหล่านี้ทำสัญญาเป็นหน่วยบริการ ซึ่งมีการระบุชัดในข้อสัญญาว่า หากพบการทุจริต สปสช. มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้ทุกเมื่อ จากการตรวจสอบเป็นคลินิกเอกชน และสถานพยาบาลเอกชนทั้งหมดที่อยู่ในสังกัด กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งได้ประสานข้อมูลเพื่อให้ สบส.ดำเนินคดีกับสถานพยาบาลที่ทุจริตด้วย โดยขณะนี้เป็นการตรวจสอบเฉพาะในปีงบประมาณ 2562 เท่านั้น ซึ่งจะมีการตรวจสอบย้อนหลังอีก

นพ.ศักดิ์ชัย ย้ำว่า เรื่องสำคัญขณะนี้ คือ สปสช.จะเร่งเข้าไปดูแลผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งหมดของประชาชน พร้อมการสร้างความเข้าใจกับประชาชน ในการยกเลิกสิทธิ์คู่สัญญาของสถานพยาบาล ไม่กระทบต่อสิทธิ์ของประชาชน

ย้ำว่าทุกคนที่ได้รับผลกระทบสามารถนำบัตรประจำตัวประชาชนเข้าไปแสดงที่สถานพยาบาลของรัฐ หรือสถานพยาบาลที่สังกัด สปสช.เพื่อเข้ารับการรักษาได้โดยไม่ต้องมีการแจ้งขึ้นทะเบียนล่วงหน้า หากมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วน 025540500 หรือ 1330 ตลอด 24 ชม.