ย้อนดูผลงานโดดเด่นของ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งผลงานที่จดจำกันได้ คงหนีไม่พ้น การปราบปรามหนี้นอกระบบ ที่เป็นผลงานเด่น และนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา นับเป็นภาพครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นางสาวเซปิง ไชยศาส์น ประธานโครงการศัลยกรรมเฟสออฟ ในคดีฉ้อโกงประชาชน ถัดจากนั้นวันที่ 5 เม.ย. ได้มีรายงานว่า พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดาผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติลงนามคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนเป็นข่าวใหญ่ ท่ามกลางข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับสาเหตุการโยกย้ายในครั้งนี้
หากเอ่ยชื่อ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ น้อยคนนักที่ไม่รู้จัก นายตำรวจนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 47 ที่มีเส้นทางการขึ้นตำแหน่งที่รวดเร็ว และ มีความสนิทสนมใกล้ชิด พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จนได้รับตำแหน่งสำคัญ เช่น ผู้บังคับการตำรวจ191 รองผู้บัญชาการตำรงจท่องเที่ยว ก่อนขึ้นเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งถือเป็นนายตำรวจอายุน้อยที่ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการ
สำหรับ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ มักมีข่าวคราวการทำงานกับบทบาทในคดีสำคัญให้เราเห็นอยู่ตลอด ทั้งคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง คดีล่าสุดที่เป็นข่าวโด่งดัง คือการขอลี้ภัยไปประเทศที่ 3 ของหญิงชาวซาอุดิอาลาเบีย ที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก ซึ่ง พลตำรวจโทรสุรเชษฐ์ ก็โชว์ผลงานจบคดีนี้ได้อย่างดี
การปราบปรามหนี้นอกระบบ และ คืนโฉนดที่ดินให้กับประชาชน นับเป็นอีกหนึ่งผลงานโดดเด่น ของพลตำรวจโทสุรเชษฐ์ ถือเป็นผลงานสร้างชื่อให้ประชาชนทั่วประเทศรู้จักนายตำรวจผู้นี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ที่หลายครั้งตำรวจโทสุรเชษฐ์ เดินทางลงไปกำกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตนเอง ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ พร้อม พลเอกประวิตร ได้เดินทางทั่วประเทศคืนโฉนดให้ประชาชนแล้ว 10 ครั้ง จนถือเป็นผลงานที่ประชาชนจดจำได้มากที่สุด
นอกจากนี้ ยังได้รับความไว้วางใจให้รับตำแหน่ง รองผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ ที่ดูแลรับผิดชอบปราบปรามอาชญากรรมนับ 10 เรื่อง ตลอดเวลาที่ศูนย์ดังกล่าวเปิดขึ้นมา ประชาชนที่เดือดร้อนจำนวนไม่น้อยต่างเดินทางมาขอความช่วยเหลือ และมีหลายต่อหลายคดี ที่พลตำรวจโทสุรเชษฐ์เดินทางลงมารับเรื่องด้วยตัวเอง