หนุ่มไปช่วยงานบวชนาครุ่นน้อง แต่ถูกทหารโหดกรีดหน้า ยันไม่เคยรู้จักหรือเคยมีเรื่องมาก่อน
จากกรณีที่มีวัยรุ่นก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันด้วยการใช้อาวุธมีดแทงกันและใช้ขับรถยนต์พุ่งชนวัยรุ่นกลุ่มคู่อริจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน3ราย ภายในงานฉลองอุปสมบทภายใน อาคารอเนกประสงค์เทศบาลเมืองท่าโขลง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จนเป็นเหตุให้นายชัยพัทธ์ สิริปิ อายุ 17 ปี เสียชีวิตนอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ2ราย โดยผู้ก่อเหตุได้อาศัยช่วงชุนมุนหลบหนีไปได้ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด
ล่าสุดวันที่ 8เมษายน2562 สิบโททัศนัย สีคราม อายุ 25 ปี สังกัดกรมรบพิเศษที่ 1 ได้เดินทางเข้ามามอบตัวกับ ร.ต.อ.ชัยยันต์ คุณรักษ์ รองสว.สอบสวน สภ.คลองหลวง โดยให้การรับสารภาพว่าที่ตนเองทำไปนั้นเพื่อป้องกันตัว จากนั้นทางผู้บังคับบัญชาก็ได้นำตัวขึ้นรถ ขับตามรถเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปจากสภ.คลองหลวง ทันทีก่อนนำตัวไปส่งศาลทหาร
เบื้องต้น ร.ต.อ.ชัยยันต์ คุณรักษ์ รองสว.สอบสวนสภ.คลองหลวง ได้แจ้งข้อหากับสิบโททัศนัย สีคราม ข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัสพกอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใด ล่าสุดทราบว่าได้ฝากขังที่ศาลทหารเพราะไม่มีผู้ใดยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัว
ทางด้านนายนิวัฒน์ จอมมะเริง หรือเอ อายุ25ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งออกจากโรงพยาบาลแล้ว เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนเองได้ไปร่วมงานฉลองอุปสมบทรุ่นน้อง ขณะเกิดเหตุตนเองกำลังเดินทางกลับโดยเดินออกจากโต๊ะ เพราะงานเลิกและกำลังขึ้นคร่อมรถจยย.เพื่อสตาร์ท จากนั้น สิบโททัศนัย สีคราม หรือหนึ่ง ผู้ต้องหาได้เดินมาหาตนเอง แล้วก็พูดว่า “ข้องอะไรหรือป่าว”
จากนั้นเพื่อนของผู้ต้องหาได้เดินมาหาตนเองและพูดคุยด้วยดีบอกว่า “ใจเย็นมันเมา ไม่เป็นไร” โดยเพื่อนของผู้ต้องหาได้ให้ตนเองจับมือกับผู้ต้องหา ตนเองก็ยอมจับแต่ผู้ต้องหาไม่จับมือด้วยและสะบัดมือหนี จากนั้นผู้ต้องหาก็ต่อยตนเองก่อนจะมีกลุ่มเพื่อนผู้ต้องหาและเพื่อนตนเองเข้ามาห้ามปราม ก่อนที่ผู้ต้องหาจะเข้าไปที่รถไม่คว้ามีดออกมา แล้วปลี่เข้ามาแทงที่หน้าตนเองจนได้รับบาดเจ็บ
กลุ่มเพื่อนจึงเข้ามาห้ามปราม ตนเองก็บอกกับเพื่อนผู้ก่อเหตุที่ชื่อตองไปว่า ตนเองไม่ได้มีอะไรนะตนมาช่วยงานสนุกๆ ตนเองไม่ได้มีปัญหาอะไร ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งไปขึ้นรถยนต์ของตนเองและสตาร์ทเครื่องพุ่งชนน้องที่เสียชีวิตและวัยรุ่นที่ยืนบริเวณทางออกจากงานคล้ายจะหลบหนี แต่ไปไม่ได้เพราะมีคนยืนอยู่จำนวนมากก่อนเปิดประตูแล้ววิ่งหลบหนี
โดยยืนยันว่าในวันนั้นตนเองก็ไปร่วมงานเพียงคนเดียวก่อนจะไปเจอนาคที่เป็นรุ่นน้อง และไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับผู้เสียชีวิตโดยตนเองนั่งกลุ่มเพื่อนที่มีอายุรุ่นราวคลาวเดียวกัน และไม่เห็นด้วยซ้ำว่าผู้ก่อเหตุนั่งอยู่โต๊ะไหน และยืนยันว่ากลุ่มเพื่อนก็ไม่มีใครมีเรื่องกับผู้ก่อเหตุ และไม่รู้จักด้วยซ้ำก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาทำร้ายตนเอง
ทางด้านนายวสุ สิริปิ อายุ 46 ปี บิดาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองมีลูกชายเพียงคนเดียวและในวันที่ 19 เมษายน 2562 นี้ก็จะรับใบประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) แผนกช่างไฟฟ้า ของสถาบันอาชีวะแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
โดยในวันเกิดเหตุตนเองไม่อยู่บ้าน มีเพียงภรรยาอยู่และบุตรชายได้ขอไปร่วมงานบวชเพื่อน ก่อนที่กลางดึกจะมีเพื่อนลูกโทรมาบอกว่า ลูกประสบอุบัติเหตุอาการน่าเป็นห่วงก่อนจะเสียชีวิต ตนเองเสียใจมาก ถึงขณะนี้ยังไม่มีบุคคลในครอบครัวของผู้ก่อเหตุออกมาให้การรับผิดชอบ หรือเข้าขอขมาศพ ซึ่งหากจะมาขอโทษหรือขอขมาตนเองก็พร้อมที่จะพูดคุย ต้องบอกว่าฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีมากต้องหาเงินจากเพื่อนสนิทมารับศพลูกและจัดงานศพตามประเพณี และอยากรู้ว่าทำไมถึงต้องทำกับลูกชายตนเองแบบนี้
ทั้งนี้ยังอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งผลทางคดีให้ทราบด้วยว่าถึงขั้นตอนไหนแล้ว เพราะถึงขณะนี้ตนเองทราบจากข่าวเพียงเท่านั้น จึงไม่ทราบว่าถึงขั้นตอนไหนแล้วเพราะยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงให้ทราบและกลัวว่าเรื่องจะเงียบไป
ขณะที่ ร.ต.อ.ชัยยันต์ คุณรักษ์ รองสว.สอบสวน สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า จะได้มีการเรียกผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหากพบมีการกระทำผิดอีกก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม สำหรับการแจ้งความคืบหน้าทางคดีนั้นตนเองก็ทำตามระเบียบ ทำคดีอย่างตรงไปตรงมาให้ผู้ปกครองมั่นใจได้