ภาคเหนือ ไฟป่า

พบจุด hot spot จากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ 503 จุด

ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 สั่งให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวัง จากสถานการณ์ไฟป่าทุกพื้นที่ ที่บ้านพี้เหนือ หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านพี้ อำเภอบ้านหลวง วันที่ 13 เมษายน 2562 พันเอกรัตนะ พัฒนโสภณ…

Home / NEWS / พบจุด hot spot จากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ 503 จุด

ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 สั่งให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวัง จากสถานการณ์ไฟป่าทุกพื้นที่ ที่บ้านพี้เหนือ หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านพี้ อำเภอบ้านหลวง

วันที่ 13 เมษายน 2562 พันเอกรัตนะ พัฒนโสภณ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ ว่าเกิดไฟไหม้ป่าบริเวณสันดอยยาวห้วยหัวน้ำตก เขตบ้านพี้เหนือ หมู่ที่ 4 อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน จึงได้สั่งการให้ ร้อยโท พิทักษ์พล จิตอารีย์ ผู้บังคับกองร้อย ควบคุมไฟป่าและหมอกควันหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 และได้จัดกำลังพลชุดปฏิบัติการควบคุมไฟป่าและหมอกควัน อำเภอบ้านหลวง สนธิกำลังพล ที่ขึ้นตรงยุทธการของมณฑลทหารบกที่ 38 ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอบ้านหลวง ชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย กองพันทหารม้าที่ 10 และประชาชนจิตอาสา”เราทำความดีด้วยหัวใจ” และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมบูรณาการอุทยานหน่วยป้องกันรักษาป่าดับไฟป่านันทบุรี ตำรวจภูธรอำเภอบ้านหลวง และผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าดำเนินการร่วมดับไฟป่า

​ดอยหลวงเชียงดาว
ภาพเหตุการณ์ไฟป่า​ดอยหลวงเชียงดาว

ทั้งฃนี้สามารถเข้าดับไฟได้ในพื้นที่บางส่วน โดยส่วนเป็นพื้นที่ป่ารกทึบและเขาสูงชัน โดยทางชุดดับไฟป่าไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ จึงได้ร่วมทำแนวกันไฟระยะทางประมาณ 5 กม. เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง พบพื้นที่ป่าได้รับความเสียหายประมาณ 30 ไร่ และยังคงเฝ้าระวังไฟป่าอย่างต่อเนื่อง

ทางด้าน พลตรีดุษิต ปุระเสาร์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 กล่าวว่า จากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดน่าน ทางมณฑลทหารบกที่ 38 ได้เรียนผู้ว่าราชการจังหวัดน่านได้รับทราบแล้ว พร้อมกับได้ได้แจ้งให้นายอำเภอทั้ง 15 อำเภอของจังหวัดน่าน ได้ทราบว่า โดยในวันนี้จำนวน Hotspot ในพื้นที่จังหวัดน่าน เพิ่มมากขึ้นอย่างน่ากลัว ขอให้ปรับกำลังทั้งชุดปฏิบัติการทหาร และภาคีทุกภาคส่วนเข้าพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาและขอให้รายงานสาเหตุของไฟให้ทราบ และให้ทุกภาคส่วนราชการในการดำเนินการที่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น

โดยขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยให้กับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในแต่ละหน่วย แต่ละอำเภอของจังหวัดน่าน ร่วมกันเฝ้าระวัง และร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดน่าน เพื่อที่จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อลมหายใจของคนน่าน ซึ่งชาวบ้านลักลอบเผาไร่ในตอนกลางคืน การควบคุมไม่ให้ลุกลามกลายเป็นไฟป่าจะทำได้ยาก ถ้าหากจำเป็นต้องเผา ควรกำหนดห้วงเผาเป็นช่วง เวลา 15.00-17.00 น. เนื่องจากอากาศจะเริ่มเย็นลง เศษวัสดุไหม้หมดในเวลา 2 -3 ชั่วโมง รวมทั้งต้องจัดตารางการเผา ทำแนวกันไฟ ป้องกันไฟลุกลาม จัดคนร่วมกันเฝ้าระวังและช่วยกันเข้าควบคุมไฟ เมื่อลุกลามหรือจะสร้างความเสียหายให้พื้นที่ข้างเคียง

ดอยหลวงเชียงดาว
ภาพเหตุการณ์ไฟป่า​ดอยหลวงเชียงดาว

นอกจากนี้ยังพบจุด Hotspot จากข้อมูลดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS จำนวน 503 จุด ประกอบด้วย จังหวัด เชียงราย จำนวน 185 จุด, จังหวัดพะเยา จำนวน 43 จุด, จังหวัดน่าน จำนวน 67 จุด, จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 54 จุด, จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 35 จุด, จังหวัดลำพูน จำนวน 5 จุด, จังหวัดแพร่ จำนวน 29 จุด, จังหวัดลำปาง จำนวน 67 จุด และในพื้นที่จังหวัดตาก จำนวน 18 จุด

หมอกควันปกคลุมทั่วเมืองพะเยา พบค่าปริมาณฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

วันนี้ (13 เม.ย.62) จังหวัดพะเยาเกิดหมอควันปกคลุมทั่วเมือง พบค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศพุ่งสูงกว่า174 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมือง พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่าอยู่ที่ 146 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (g/m3) ขณะที่ค่า pm10 อยู่ที่ 174 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ หมอกควันไฟป่ายังมีแนวโน้มที่จะทำให้คุณภาพอากาศเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่เมื่อวันที่ 12เมษายน 2562 ในที่พื้นที่ตำบลป่าซาง อำเภอดอกคำใต้ ได้เกิดไฟป่าลุกไหม้ม่อนทานตะวันเป็นบริเวณกว้าง โดยนายเทวา ปัญญาบุญ นายอำเภอดอกคำใต้ ได้มอบหมายให้ นายพิชัย เขื่อนเพ็ชร ปลัดอาวุโส และปลัดอำเภอดอกคำใต้ จัดชุดลาดตระเวนและดับไฟป่า เขตตำบลหนองหล่ม ตำบลป่าซาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมรถน้ำดับเพลิง และอุปกรณ์ดับไฟ แบ่งชุดลาดตระเวนเป็น 3 ชุด เพื่อทำการดับไฟที่ลุกไหม้ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาพอสมควร จึงสามารถดับไฟป่าได้ ซึ่งพบความเสียหาย ประมาณ 100 ไร่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดพะเยายังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จึงขอให้ประชาชนที่จะเดินทางออกจากบ้านหรือที่พัก ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อความปลอดภัยไว้ด้วย

วิธีป้องกันไฟป่า

1. ดูแลพื้นที่ริมแนวชายป่า เก็บกวาดพื้นที่ให้โล่งเตียน มิให้มีใบไม้แห้ง กิ่งไม้แห้ง หรือหญ้าแห้งกองสุม เพราะหากเกิดไฟไหม้จะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟปะทุและลุกลามอย่างรวดเร็ว
2. สร้างแนวกันไฟล้อมรอบพื้นที่ เพื่อสกัดไม่ให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่น หมั่นเก็บกวาดและกำจัดเชื้อเพลิงจำพวกใบไม้ กิ่งไม้แห้งและหญ้าที่ทับถมบนแนวกันไฟ และระวังมิให้ต้นไม้ล้มพาดขวางแนวกันไฟ หากเกิดไฟไหม้ไฟจะลุกลามผ่านข้ามแนวกันไฟไปได้
3. เพิ่มความระมัดระวังการจุดไฟในป่าเป็นพิเศษ ไม่ทิ้งก้นบุหรี่ลงบนหญ้าแห้ง หากก่อกองไฟหรือประกอบอาหารในป่า ควรควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด หลังใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้ง
4. หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมที่เป็นสาเหตุให้เกิดไฟป่า เช่น เผาขยะหรือตอซังข้าวบริเวณริมข้างทาง เป็นต้น เพราะนอกจากจะมีโอกาสที่ไฟจะลุกลามเป็นไฟป่าแล้ว ยังทำให้ควันไฟปกคลุมเส้นทาง หากจำเป็นต้องจุดไฟหรือเผาขยะ ควรควบคุมอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมถังน้ำหรือทรายไว้ใกล้ๆ จะได้ดับไฟได้ทัน ในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกให้ใช้วิธีไถกลบหรือนำไปทำปุ๋ยหมักแทนการเผา

ขอบคุณที่มา  thainews.prd.go.th