ค้อนทุบหัวลูกเลี้ยง ท้อง 7 เดือน พ่อเลี้ยง

พ่อเลี้ยงสารภาพฆ่าลูกเลี้ยงท้อง 7 เดือน ทำแผนรับสารภาพวันนี้

[14 เม.ย. 2562]กำหนดทำแผนรับสารภาพ คดีนายใจฆ่าลูกเลี้ยงท้อง 7 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว​ นายภูมิใจกลับ​ สน.คันนายาว​ เพื่อสอบสวนหลังพยายามกินยาเบื่อหนูหวังฆ่าตัวตายหนีความผิด และได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์จนมีอาการดีขึ้น​ โดยนายใจให้การรับสารภาพเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่า น.ส.นันท์ชยา โดยมีสาเหตุเกิดจากความแค้นใจ​ ที่ภรรยาหนีไปจังหวัดอำนาจเจริญ…

Home / NEWS / พ่อเลี้ยงสารภาพฆ่าลูกเลี้ยงท้อง 7 เดือน ทำแผนรับสารภาพวันนี้

[14 เม.ย. 2562]กำหนดทำแผนรับสารภาพ คดีนายใจฆ่าลูกเลี้ยงท้อง 7 เดือน

เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว​ นายภูมิใจกลับ​ สน.คันนายาว​ เพื่อสอบสวนหลังพยายามกินยาเบื่อหนูหวังฆ่าตัวตายหนีความผิด และได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์จนมีอาการดีขึ้น​

โดยนายใจให้การรับสารภาพเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่า น.ส.นันท์ชยา โดยมีสาเหตุเกิดจากความแค้นใจ​ ที่ภรรยาหนีไปจังหวัดอำนาจเจริญ

ทั้งนี้พนักงานสอบสวน​ แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย​ โดยในวันนี้จะต้องทำแผนประกอบคำรับสารภาพ​ แต่จะใช้โรงพัก​ จำลองเหตุการณ์แทนที่เกิดเหตุจริง เนื่องจากเกรงว่าหากพาไปที่เกิดเหตุจะถูกชาวบ้าน​ ที่โกรธแค้น​รุมประชาทัณฑ์ หลังจากนั้นวันที่ 15 เม.ย. 2562 จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรีต่อไป

[13 เม.ย. 2562]พบแล้วพ่อเลี้ยงฆาตกรรมลูกเลี้ยงท้อง 7 เดือน

วันที่ 13 เม.ย. 2562 อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู และมูลนิธิสยามรวมใจพบว่า มีผู้กินยาฆ่าแมลง หมดสติ น้ำลายฟูมปาก นอนอยู่ในป่าริมถนนแฮปปี้แลนด์สาย 2 หน้าอู่รถประจำทาง สาย 112 โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าชายคนดังกล่าวคือ นายใจ หรือ ภูมิใจ เหลืองทองวัย 54 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหนีคดี ที่ก่อเหตุใช้ฆ้อน ทุบศีรษะลูกเลี้ยงที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมาก่อนจะหลบหนีไป โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ส่งตัว ‘นายใจ’ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตน์แล้ว

ย้อนชนวนเหตุ กลับไปเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงตั้งครรภ์ ภายในหมู่บ้านย่านแยกลำกะโหลก แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. จึงเดินทางเข้าไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และ เจ้าหน้าที่อาสาร่วมกตัญญู โดยที่เกิดเหตุเป็นทาวเฮ้าส์ 3 ชั้น ด้านล่างเป็นร้านเสริมสวย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าศพดังกล่าวคือนางสาวนันท์ชยา จันทะโมคา อายุ 29 ปี ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต มีรอยบาดแผลตรงข้อมือขวา ที่ศีรษะถูกตีด้วยของแข็ง เป็นแผลฉกรรจ์ และที่ท้องมีร่อยรอยถูกทุบ หูด้านซ้ายขาด ข้างศพพบฆ้อนตอกตะปูที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทางญาติได้นำศพของ นางสาวนันท์ชยา ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดใหม่สัมมาธัญญาวาส เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานครเป็นเวลา 5 วัน

[11 เม.ย. 2562]สาเหตุของการฆาตกรรม

จากการสอบถามนายธนวัฒน์ แก้วคำสอน วัย 29 ปี สามีของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ปกติตนเองและภรรยาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวกับครอบครัวของภรรยา ซึ่งทุกคนต่างออกไปทำงาน กระทั่งเมื่อบ่าย น้องชายของแม่ได้กลับมาที่บ้านเห็นผิดสังเกตจึงเดินตรวจสอบตามห้องต่าง ๆ และพบว่านางสาวนันทิยาเสียชีวิตแล้ว

ส่วนสาเหตุเชื่อว่านายใจ ต้องการประชดภรรยา ซึ่งเป็นแม่ของผู้ตาย เนื่องจากเช้าวันเกิดเหตุแม่ของผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปต่างจังหวัด นายภูมิใจจึงข่มขู่ว่าหากไม่กลับมาจะฆ่าตัวตายและทำร้ายคนในบ้าน โดยสามีของผู้ตายเผยว่าผู้ตายไม่เคยมีปัญหากับพ่อเลี้ยง เนื่องจากอีกฝ่ายไม่สุงสิงกับใคร แต่หลังจากที่พ่อเลี้ยงมีปัญหากับแม่ผู้ตาย ผู้ก่อเหตุก็เริ่มมีพฤติกรรมข่มขู่ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุ นายใจได้หลบหนีไป ทำให้ตำรวจออกหมายจับในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทารุณกรรม ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต พร้อมประกาศชัด หากไม่สามารถจับกุมในขณะยังมีชีวิตได้ ก็พร้อมจับตาย โดยนายใจหายตัวไปได้ 3 วัน จนกระทั่งพบว่าได้กินยาฆ่าแมลงดังกล่าว

[Q]การกระทำของ ‘นายใจ’ เข้าข่ายการฆ่าในลักษณะใด

ทั้งนี้พฤติการณ์ของนายใจอาจเข้าข่ายได้ 2 กรณีคือฆ่าโดยทรมาน หมายความว่า ฆ่าโดยกระทำการที่มิได้ตายในทันที แต่ทำให้ได้รับความลำบากจนตายลงในที่สุด ส่วนการฆ่าโดยทารุณโหดร้าย หมายความว่า ฆ่าโดยวิธีการที่ดุร้ายยิ่งกว่าการกระทำให้ตายโดยทั่ว ๆ ไป

[A] การกระทำของนายใจเข้าข่ายการฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทารุณกรรม ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต โดยกรณีฆ่าทรมานหรือทารุณโหดร้ายจะมีพฤติการณ์ดังนี้

1. ใช้น้ำมันเบนซินราดแล้วจุดไฟเผา
2. เอาน้ำมันราดและจุดไฟเผา
3. ฆ่ายกครัว
4. ใช้มีดและเท้าทำร้ายผู้ตายสลับกัน เป็นเวลา 8 ชั่วโมงต่อเนื่อง
5. เอาผ้าอุดจมูกกรอกยาพิษ เชือดคอ
6. เชือดคอลึกเข้ากระดูก ใช้เวลานานในการเชือดจนมีแผลยาวรอบคอ
7. ถูกตีด้วยของแข็ง มีบาดแผลจำนวนมาก กะโหลกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
8. นำสารพิษสตริกนินให้ผู้ตายเสพทีละน้อยจนตาย

ขอบคุณภาพ: มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ ,Pramonchai Monprasert