เจ้าของรถจักรยานยนต์จี้ตำรวจชี้แจง หลังรถจักรยานยนต์ถูกยึดอยู่โรงพัก แต่กลับมีหญิงสาวขี่มาเล่นน้ำสงกรานต์หน้าตาเฉย อ้างเป็นเด็กตำรวจ แล้วเขาเอามาให้ใช้
วันนี้ (19 เม.ย. 2562) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ปอ กระดังงา ซิ่ง ได้มีการโพสต์ข้อความและตั้งคำถามไปถึงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากพบว่ารถจักรยานยนต์ของเขาที่ถูกตรวจยึดอยู่ที่โรงพัก มีคนนำออกมาขี่เล่นน้ำสงกรานต์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ซึ่งเหตุเกิดขึ้นที่ นาเกลือ จ.ชลบุรี
โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า ผมแค่อยากรู้ว่า รถอยู่ในคอก แล้วมันออกมาได้ไง แค่อยากรู้ คนขับมาเขาบอกว่ารถเขา เขาบอกว่าเขาเป็นรู้จักตำรวจเลยเอาออกมาขับได้ ไม่ไช่รถผม ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรคับ ผมแค่อยากรู้ว่าเอามาจากไหน อยากไร เขาบอกว่ารถเขาก็รถเขา ปล่อยเขาไป ใครเจออีกตามทีนะคับ ตอนนี้รถอยู่แถวนาเกลือ
ขณะที่คลิปได้เผยให้เห็นว่า เจ้าของรถเข้าไปขอคำตอบหญิงสาวที่ขี่รถจักรยานยนต์ของเขามาเล่นน้ำ ก่อนที่หญิงสาวจะพูดจาในลักษะคล้ายคนเมา ก่อนจะอ้างว่าเธอเป็นเด็กตำรวจ และได้โทรศัพท์ขอรถจากตำรวจมาขี่เล่นน้ำ เนื่องจากอยากมาแต่ไม่มีรถ
ทางตำรวจก็เลยไปไขรถของกลางที่ยึดไว้มาให้ขี่เล่นน้ำ พร้อมกับขอร้องเจ้าของรถว่าอย่าเอาเรื่อง ขอนำรถมาเล่นน้ำแค่วันเดียว พรุ่งนี้ก้เอาไปคืนแล้ว จากนั้นเธอและเพื่อนก้ได้ขี่รถออกไป
ทั้งนี้เมื่อคลิปดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป ทำให้มีคนเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใจไม่พอใจการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำรถของกลางที่ตรวจยึดออกมาให้คนอื่นใช้ในลักษณะนี้ พร้อมเรียกร้องให้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย
พร้อมกันนี้ก็มีบางส่วนที่เข้าไปชื่นชมเจ้าของรถ ที่เข้าไปสอบถามด้วยความสงบ ควบคุมอารมณ์ได้ดีมากๆ เพราะหากที่เป็นคนใจร้อนหญิงสาวคนดังกล่าวอาจถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็ได้
สำหรับการนำรถของกลางมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ในทางกฎหมายถือว่ามีความผิด เพราะตามหลักกฎหมายแล้ว รถของกลางนั้น จะต้องเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นของกลางหรือพยานหลักฐานในการดำเนินคดี เว้นแต่การเคลื่อนย้ายรถเพื่อนำไปตรวจสอบ หรือเคลื่อนย้ายเพื่อนำไปเก็บรักษา
แต่ถ้าทำให้รถเสียหายรถหายและเสื่อมค่าต้องรับผิดชอบ และต้องแจ้งให้ผู้ที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงทราบ เมื่อทำการตรวจสอบและรับรถหากตรวจพบว่ามีการนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ที่ระบุว่า
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อทำ จัดการหรือรักษาทรัพทย์สินใด เบียดบังทรัพท์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสียต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึง 4 หมื่นบาท