หนุ่มยิงหินใส่รถผู้เสียหาย 12 ราย เจอข้อหาหนักพยายามฆ่า ที่ จ.ชุมพร
จากกรณีเมื่อวันที่ 18 เม.ย.62 ได้มีคนร้ายใช้หนังสติ๊กใส่ก้อนหินยิงใส่รถยนต์ ที่สัญจรได้รับความเสียกว่า 20 คันบนถนนสายเพชรเกษม ขาล่องใต้ ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ทราบชื่อคือนายสุรินทร์ จันทร์ทอง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 196 ม.4 ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช นั่งซุ่มอยู่ในป่าหญ้าข้างทาง ห่างจากรถยนต์ที่เสียหายที่จอดไปประมาณ 200 เมตร โดยค้นตัวพบหนังสติ๊ก จำนวน 1 อัน ก้อนหินทรงกลม ขนาดใหญ่กว่าเหรียญ 10 บาท จำนวน 35 ลูก อยู่ในกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล โดยผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมา พูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 เมย.62 พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีผู้เสียหายมาลงบันทึกและแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 12 ราย ซึ่งขณะนี้สามารถสอบปากคำได้เพียงบางส่วนเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาในสอบสวน ทำให้ผู้เสียหายบางรายต้องขอมาให้ปากคำภายหลังพนักงานสอบสวน ได้นำตัวนายสุรินทร์ คนร้ายผู้ก่อเหตุ ส่งศาลเพื่อฝากขังผลัดแรก
โดยทางพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายสุรินทร์ ฐาน พยายามฆ่า เนื่องจากพฤติกรรมคนร้าย ตั้งใจมาก่อเหตุ โดยมีหลักฐานที่น่าเชื่อได้คือก้อนหิน จำนวน 38 ก้อน และแผ่นเหล็ก 4 แฉก จำนวน 2 อัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวของนายสุรินทร์ ส่งผลให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายแล้ว อาจจะทำให้คนขับอาจจะโดนกระสุนก้อนหินที่ถูกยิงใส่ ทะลุกระจกแล้วไปโดนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ และยังอาจจะทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำหรือไปชนรถคันอื่นที่ตามหรือสวนทางมาได้
พ.ต.อ.ชนินทร์ กล่าวต่อว่า ซึ่งอย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวน ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการก่อเหตุของนายสุรินทร์ จันทร์ทอง ได้เดินทางมาแจ้งความและให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน เพื่อจะได้ดำเนินคดีกับนายสุรินทร์ เป็นรายๆไป ซึ่งพื้นที่ท่าแซะ เคยมีคนร้ายก่อเหตุในลักษณะนี้บ่อย ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับได้เป็นเพียงบางราย ทางตำรวจต้องการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับผู้ก่อเหตุรายนี้ มิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
ทางด้าน พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย ผบก.ตร.ชุมพร กล่าวว่า “ได้กำชับให้ พนักงานสอบสวน ตั้งข้อหาพยายามฆ่าและให้ติดตาม ผู้เสียหายที่เหลือมาให้การให้ได้มากที่สุด ล่าสุดได้รับรายงานว่า มีผู้เสียหายมาแจ้งความแล้ว 12ราย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ตำรวจต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด