บอส อยู่วิทยา

สรุปรายงาน คดี #บอสอยู่วิทยา

หลังจากที่คณะทำงานได้สรุปรายงาน ส่งให้กับนายกฯ เรียบร้อย โดยระบุว่า มีความสมยอมกันในการทำคดี ซึ่งมีรายละเอียดในการดำเนินการเอื้อประโยชน์ในหลายขั้นตอน

Home / NEWS / สรุปรายงาน คดี #บอสอยู่วิทยา

ประเด็นน่าสนใจ

  • นายวิชา มหาคุณ ได้ออกแถลงเกี่ยวกับผลการตรวจสอบคดี บอส อยู่วิทยา
  • ผลการสอบสวนพบว่า มีการร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหา
  • มีผู้เกี่ยวข้องในทุกระดับชั้น ตั้งแต่พนักงานสอบสวน ถึงระดับรองอัยการสูงสุด
  • ต้องมีการแก้ไข ปัญหา และดำเนินคดีกับทางผู้เกี่ยวข้อง

คณะกรรมการ พบว่า “มีการร่วมมือกันอย่างเป็นระบบของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม” ตั้งแต่

  • เจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม
  • เจ้าหน้าที่ของรัฐ
  • ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
  • ทนายความ
  • พยาน
  • และบุคคลทั่วไป

กระบวนการที่ใช้ในการแทรงแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาให้รอดพ้นการดำเนินคดี

  • เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นของการดำเนินคดี “จนถึงปัจจุบัน”
  • ใช้ช่องโหว่ของข้อกฎหมาย
  • ใช้อำนาจโดยมิชอบ
  • ใช้อิทธิพลบังคับ และสร้างพยานเท็จ

คณะทำงานเชื่อว่า

  • ผู้ต้องหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐถึงแก่ความตาย
  • มีข้อสงสัยว่า ผู้ต้องหาจะทำผิดในฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เนื่องจากชนและไม่หยุดรถช่วยเหลือ จนพาร่างผู้ตายไปไกลกว่า 60 ม. ผิดวิสัญของวิญญูชน

เริ่มต้นของการให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา – แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

  • เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างพยานเท็จ (การนำพ่อบ้านไปสมอ้าง เป็นผู้ขับรถ)
  • ผู้ต้องหายอมจำนวน มามอบตัวจริง แต่ให้การภาคเสธ อ้างเป็นความผิดของผู้ตาย
  • ทำให้เกิดการตั้งข้อหาอันเป็นเท็จ / ไม่ชอบต่อกฎหมาย กับผู้ตาย

ปมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ – โคเคน

  • ชั้นสอบสวนมีรายงานตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่แสดงถึงปริมาณแอลกอฮอล์ และสารเสพติดในร่างกาย
  • การให้การที่ระบุว่า ดื่มในภายหลังเกิดเหตุ เป็นข้ออ้างอันเป็นเท็จ ส่งผลให้มีการตั้งข้อหากับผู้ตาย
  • มีการไม่ตั้งข้อกล่าวหาเสพยาเสพติดทั้งที่มีผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ชัดเจน
  • พนักงานสอบสวน รับฟังความเห็นพยานฝ่ายผู้ต้องหา ซึ่งขัดแย้งกับผลตรวจ และนำมาเป็นเหตุผลในการสั่งไม่ฟ้อง

ทั้งหมดเชื่อว่า เป็นการช่วยเหลือผู้ตอ้งหา ไม่ให้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา และทำให้รูปคดีเอื้อประโยชน์ต่อผู้ต้องหาให้พ้นผิด

ปมการทำสำนวนฟ้อง

  • มีการส่งสำนวนล่าช้า โดยใช้เวลาถึง 6 เดือน (เกิดเหตุ 3 ก.ย. 55, สอบสวนเสร็จ 1 มี.ค. 56 และส่งสำนวนสอบให้อัยการ 4 มี.ค. 56)
  • ไม่มีการนำผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาล ก่อนครบกำหนดปล่อยตัวชั่วคราว

ปมการร้องเรียน/ร้องขอความเป็นธรรม

  • มีการใช้การร้องขอความเป็นธรรมในการประวิงคดี ช่วยเหลือผู้ต้องหา โดยความร่วมมือของ ทนายความ เจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลทั่วไป
  • มีการยื่นร้องขอความเป็นธรรม 14 ครั้ง โดยในครั้งแรกถึงครั้งที่ 13 เป็นการร้องต่ออัยการสูงสุด/รองอัยการสูงสุด ทุกครั้งได้สั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรม
  • เป็นการประวิงคดี โดยผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นด้วยตัวเอง ร้องขอโดยไม่จำกัดในเหตุ/จำนวนครั้ง ทำให้คดีขาดอายุความ
  • ครั้งที่ 14 การร้องขอเป็นผลสำเร็จ ซึ่งเห็นว่ามีความไม่น่าเชื่อถือ/ข้อพิรุธในการ้องขอก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว

ปมพยาน-หลักฐาน

  • มีการจัดให้ รองศาสตราจารย์ ส. พบกับ พันตำรวจโท ธ. เสนอวิธีการคำนวนใหม่ ภายใต้การกำกับของพนักงานอัยการ – ซึ่งเป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จ
  • มีการแก้ไขวันสอบปากคำเป็น 26 ก.พ. 29 และ 2 มี.ค. 59 (สำหรับใช้ร้องขอความเป็นธรรม)
  • การการกดดัน พันตำรวจโท ธ. ให้เปลี่ยนความเห็นจากความเร็ว 177 กม./ชม. เป็น ไม่เกิน 80 กม./ ชม. เพื่อให้สอดคล้องกับ รองศาสตราจารย์ ส. ที่เตรียมไว้
  • ไม่เปิดโอกาสให้ พันตำรวจโท ธ. ได้ตรวจสอบข้อผิดพลาด แม้ พันตำรวจโท ธ. จะพยายามยกเลิกคำให้การก็ตาม หลังพบข้อผิดพลาดของ รองศาสตราจารย์ ส.
  • พันตำรวจโท ว. ใช้ข้ออ้างว่า ส่งสำนวนแล้ว
  • มีการลงวันที่ปลอม ซึ่งเชื่อว่า เป็นเพื่อกันบุคคลบางคนออกจากคดี และให้การคำนวนความเร็วรถใหม่เพื่อให้น่าเชื่อถือ
  • มีการใช้อิทธิพลทางการเมือง กดดันกระบวนการยุติธรรม โดยร้องเรียนต่อความเป็นธรรม เมื่อ 4 พ.ค. 59 กับคณะกมธ. ที่มีทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ จนท.รัฐระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม นำไปสู่การให้ความเห็น-อ้างพยานเท็จเกี่ยวกับความเร็วรถ
  • มีกรรมาธิการ ไปเป็นพยาน/ให้ปากคำสนับสนุนข้ออ้างของผู้ต้องหา เมื่อ 15 มิ.ย. 61
  • มีทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจ ไปร้องขอความเป็นธรรม โดยให้สอบปากคำ พลอากาศโท จ. และ นาย จ. เพิ่ม
  • โดยกระบวนการที่เกิดขึ้น ไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ แต่เป็นประวิงคดี
  • ขณะที่ นาย น. รักษาการรองอัยการสูงสุด มีความเห็น 11 พ.ย. 62 ก็มีความเห็นให้สอบพยานเพิ่ม โดยเจาะจงที่ พลอากาศโท จ. และนาย จ. ทั้งที่ 2 ปากนี้ เคยให้ปากคำไปแล้ว ซึ่งมีพิรุธ และไม่น่าเชื่อถือ แต่นาย น. เชื่อ พลอากาศโท จ. เพราะเป็นข้าราชการระดับสูง แต่กลับไม่เชื่อดุลพินิจของอดีตอัยการสูงสุด/รองอัยการสูงสุดที่สั่งให้ยุติการร้องขอความเป็นธรรม

ความเห็น/ข้อเสนอของคณะกรรมการฯ

  • ต้องเริ่มกระบวนการสอบสวนใหม่ ในข้อหาที่ขาดอายุความ
  • ต้องดำเนินการทางวินัยและอาญา กับผู้เกี่ยวข้องคือ
    • พนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับสำนวน
    • พนักงานอัยการซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    • ผู้บังคับบัญชาที่แทรกแซงกระบวนการทำงาน
    • สมาชิกสภานิติบัญญัติที่แทรกแซงการปฏิบัตหน้าที่
    • ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่
    • ทนายความที่กระทำผิด
    • พยานที่ให้การเท็จ
    • ตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ที่ให้เกิดการกระทำผิด
  • ดำเนินการทางจริยธรรม จรรยาบรรณ มารยาท กับหน่วยงาน/องค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง
  • ให้ผู้บังคับบัญชา ต้องกำกับดูแล แก้ไข การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ได้รับมอบอำนาจ หากละเลย ให้ถือว่า บกพร่อง
  • ให้แก้ไขเงื่อนไขในการร้องขอความเป็นธรรม
  • แก้ไขระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

วันที่มีการร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา
  1. วันที่ 1 เม.ย. 56
  2. วันที่ 17 พ.ค. 56
  3. วันที่ 4 ก.ย. 56
  4. วันที่ 24 ก.พ. 57
  5. วันที่ 21 เม.ย. 57
  6. วันที่ 24 มิ.ย. 57
  7. วันที่ 28 ก.ค. 57
  8. วันที่ 26 มิ.ย. 58
  9. วันที่ 21 ม.ค. 59
  10. วันที่ 15 พ.ค. 59
  11. วันที่ 23 ธ.ค. 59
  12. วันที่ 6 มี.ค. 60
  13. วันที่ 19 ก.พ. 61
  14. วันที่ 7 ต.ค. 62