อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รุดเข้าตรวจสถานกักขังจังหวัดศรีสะเกษ ไม่เชื่อว่าผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับหกล้มเสียชีวิตตรงห้องน้ำ เตรียมสั่งย้าย เพื่อการสอบสวนเจ้าหน้าที่ดูแลไม่ดี
วันที่ 21 เมษายน 62 ที่ สถานที่กักขังจังหวัดศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินทางมาตรวจสอบกรณีที่ คุณแม่ สุรินทร์ เกษหอม อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 23 บ้านนิคมหนองฉลอง หมู่ที่ 9 ตำบลหนองฉลอง อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมกับบรรดาญาติๆ เกิดความแคลงใจกรณีที่ บุตรชายของตน นายพรหมปัญญาเกตุหอม อายุ 40 ปี ภายหลังจากที่ต้องเข้าสถานกักขังจังหวัดศรีสะเกษ
โดยศาลสั่งให้เสียค่าปรับ จำนวน 6,000.-บาท หรือกักขัง 12วัน จากข้อหาเมาแล้วขับ ในช่วงวันสงกรานต์ วันที่ 15 เมษายน 2562 แต่ต้องกลายมาเป็นศพเสียชีวิต พร้อมกับร่องรอยฟกช้ำดำเขียวตามร่างกายปากแตกมีสภาพศพมีเลือดกบปาก แต่ถ้อยแถลงสาเหตุการเสียชีวิต ในวันที่ 18 เมษายน 2562 ผ่านมาเพียง 4 วัน ที่ถูกกักขังแทนค่าปรับ โดยได้รับแจ้งเพียงว่า หกล้มให้ห้องน้ำสถานกักขัง ก่อนที่จะได้แจ้งข้อร้องเรียนกับสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ
แม้บ่ายวันนี้ นายสมบูรณ์ พุทธชาติ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ จะได้เดินทางไปที่บ้านเพื่อพูดคุยสอบถามกับบรรดาญาติๆแต่ก็ไม่สามารถที่จะให้ความกระจ่างได้ว่า จริงๆ แล้ว นายพรหมปัญญา เกตุหอม เสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไรกันแน่ ค่ำวันนี้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ จึงบินด่วนมาพื้นที่ เพื่อเดินทางเข้าไปตรวจสอบยังภายในเรือนกักขัง ตรวจสอบ สอบถาม กับเจ้าหน้าที่ ผู้คุม ผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับบางส่วน
อธิบดีฯ บินด่วนลงพื้นที่, พบห้องขังแออัด
ซึ่งพบว่า สภาพการกักขังผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับ อยู่กันอย่างแออัด และอาจจะเป็นเหตุเกิดการรุมทำร้าย อารมณ์ร้อน เพราะอากาศร้อน และยืนยันไม่เชื่อเป็นการหกล้มจนเสียชีวิต เตรียมสั่งย้าย ผบ.เรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมเจ้าหน้าที่อีกบางส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อการสอบสวน หาสาเหตุที่แท้จริง ย้ำเอาผิดทุกคนที่ประพฤติไม่ดี ปล่อยปะละเลยจนเป็นเหตุ
นาย ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า วันนี้กระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้ตน อธิบดีเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ผู้ต้องกักขังเสียชีวิต ขณะถูกกักขังแทนค่าปรับที่จังหวัดศรีสะเกษ ภายหลังจากที่เดินทางเข้าไปซักสอบถามเบื้องต้น ดูรายงานการตรวจพลิกศพ รายงานตั้งแต่แรกของการตรวจร่างกายก่อนเกิดเหตุการเฝ้าระวัง ย้ำเตือนในใบแจ้งเตือนมอบให้แก่ผู้คุมของแพทย์ของหมอ ซึ่งรายงานไว้ชัดเจนทุกมากทุกขั้นตอน พร้อมกับรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวน ซึ่งเมื่อดูทุกอย่างแล้ว ไม่น่าที่จะเชื่อได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากอุบัติเหตุ จากการลื่นล้มเพราะพบว่ามีบาดแผล ฟกช้ำ ตามร่างกาย
แต่เหตุผลที่มีการสอบพยานจากผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขังด้วยกันเองนี้ ที่ระบุว่า มีการลื่นล้มเองจนนำไปสู่การเสียชีวิต ไม่น่าเชื่อ แต่เท่าที่ตนดูสภาพ ดูจากประสบการณ์ น่าจะเกิดจากการรุมทำร้ายกันมากกว่า พอดีบังเอิญสถานที่กักขังอยู่กันอย่างแออัด เพราะพื้นที่ห้องกักขัง กว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร น่าจะอาศัยกักขังได้เพียง 50 คน ก็น่าที่จะพอดี แต่ตอนนี้มีผู้ต้องกักขังอยู่ทั้งหมด 237 คนต้องอยู่กันแบบนั่งซ้อนๆ กันอยู่
ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ย้ายจนท. เพื่อการสอบสวน
ซึ่งตนจะได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะตั้งให้ผู้บัญชาการเรือนจำอุบลฯ ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด และมีศักดิ์ที่สูงกว่าในสถานกักขัง ให้เข้ามาดูแลตรวจสอบและจะได้มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องโดยตรง และที่เกี่ยวข้องใกล้ชิด ออกจากพื้นที่ก่อนเพื่อการสอบสวนที่โปร่งใสให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย พร้อมเป็นการปรามไปด้วย เหมือนกับลงโทษกลายๆ ว่าท่านปฎิบัติหน้าที่บกพร่อง ผิดพลาด ความแออัดก็เข้าใจกันอยู่
แต่จะปล่อยปะละเลยปล่อยให้มีการรุมทำร้ายกันจนเสียชีวิตจากข้างในสถานกักขังนี่ตนยอมไม่ได้ ในนามของกรมราชทัณฑ์ต้องกราบขออภัย กับคุณแม่และบรรดาญาติๆ ผู้สูญเสียลูกหลานไป จากสาเหตุว่าลูกของท่าน เพียงแค่เมาแล้วขับ ไม่มีเงินเสียค่าปรับ 6 พัน ต้องมากักขังทดแทน 12 วันๆ ละ 500 บาท หากเป็นคนมีเงินก็คงไม่ลำบากเช่นนี้
จากนั้น นาย ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางไปบ้านของผู้เสียชีวิต พร้อมกับ คุณแม่ สุรินทร์ เกษหอม และบรรดาญาติๆ โดยได้มอบเงินส่วนตัวช่วยงานศพไปส่วนหนึ่ง พร้อมไปร่วมฟังสวดอภิธรรมศพที่บ้านหนองฉลอง ด้วยในคืนนี้และยังย้ำว่า อยากจะให้ทุกฝ่ายทำความจริงให้กระจ่าง พร้อมกับการประกาศแจ้งกับผู้ต้องกักขังไปแล้วหากใครให้การเป็นประโยชน์ ถึงเหตุการณ์จะมีรางวัลพิจารณาความดีระดับหนึ่งด้วยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง คืนนั้น พร้อมรับรองความปลอดภัยให้ด้วย