ศรีสุวรรณ จรรยา ส.ส.เรียกรับเงิน

‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง ป.ป.ช. สอบ ส.ส.ดัง เรียกรับเงิน 12 ล้าน ติดตั้ง CCTV

'ศรีสุวรรณ' เข้ายื่นคำร้องพร้อมหลักฐานคลิปเสียงต่อ ป.ป.ช. สอบ ส.ส.คนดัง เรียกรับเงินจำนวน 12 ล้านบาท ติดตั้ง CCTV

Home / NEWS / ‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง ป.ป.ช. สอบ ส.ส.ดัง เรียกรับเงิน 12 ล้าน ติดตั้ง CCTV

ประเด็นน่าสนใจ

  • ’ศรีสุวรรณ’ เข้ายื่นคำร้องพร้อมหลักฐานคลิปเสียงต่อ ป.ป.ช. สอบ ส.ส.คนดัง เรียกรับเงินจำนวน 12 ล้านบาท ติดตั้ง CCTV
  • พร้อมส่งเรื่องถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เอาผิด ส.ส.คนดังกล่าว ให้ออกจากตำแหน่ง ส.ส. และตัดสิทธิ์ทางการเมือง
  • ทั้งนี้ ส.ส.ดัง ได้ออกมาบอกว่าคลิปที่เผยไปนั้นเป็นการแฝงตัวไปหาข้อมูลเรื่องการทุจริต

วันนี้ (31 ส.ค. 63) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นคำร้องพร้อมหลักฐานคลิปเสียงต่อ ป.ป.ช. เรื่อง สอบ ส.ส.คนดังหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งภายในคลิปเสียง เป็นการเจรจาเรียกรับเงินจำนวน 12 ล้านบาท จากบริษัทที่รับติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี (CCTV) ในโครงการ Safe Zone Schools ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแลกกับการเคลียร์สื่อมวลชน และคนใหญ่คนโตในหลายวงการ เพื่อให้ยุตินำเสนอข่าวด้านลบของบริษัทนั้น

ทั้งนี้พฤติกรรมดังกล่าว หากพิสูจน์ และดำเนินการไต่สวนแล้วชี้มูลว่าการกระทำมีความผิดจริง เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏ การกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.149 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 40,000 บาท หรือประหารชีวิต” นอกจากนั้น ยังถือได้ว่าเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม เข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติใน ม.129 ประกอบ ม.128 ของ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 เพราะถือว่าเป็นการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมด้วย

เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในการเมืองไทยที่อ้างว่ามีการปฏิรูปแล้ว ทำให้ทางสมาคมต้องมายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนสอบสวน และที่สำคัญให้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเรียกนายสิระ เจนจาคะ ที่กล่าวอ้างว่ามีวัตถุพยาน มีคลิปเสียง และภาพ มาให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้สำนวนคำร้องของทางสมาคมมีความแน่นหนายิ่งขึ้น

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะต้องรีบพิสูจน์ และดำเนินการไต่สวน และชี้มูลว่ามีความผิดจริงหรือไม่ อย่างไร หากเป็นไปตามคลิปที่ปรากฏก็จะได้ส่งให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือศาลนักการเมืองพิพากษาลงโทษ ให้ออกจากตำแหน่ง ส.ส. และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 ม.101 ประกอบ ม.98 ต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าว

นอกจากนี้ ได้มีนักข่าวสอบถามความเห็นของนายศรีสุวรรณ เรื่องที่ว่าทาง ส.ส.ดัง ได้ออกมาบอกว่าคลิปที่เผยไปนั้นเป็นการแฝงตัวไปหาข้อมูลเรื่องการทุจริต โดยนายศรีสุวรรณได้ตอบว่า ก็คงต้องไปดูหลังของ ส.ส. คนนั้นว่าเป็นแผลหรือเปล่า เพราะเอาสีข้างแถขนาดนี้ก็คงเป็นแผลเหวอะ ทั้งๆ ที่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ชัดเจนในคำพูดตามคลิป

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็เหมือนเป็นการยอมรับว่าตนเองได้มีพฤติกรรมอย่างนั้นจริง จะไปกล่าวอ้างกับใครอย่างไรก็ได้ แต่ต้องมาชี้แจงกับ ป.ป.ช. ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการกล่าวอ้างแบบนั้นแทบไม่มีน้ำหนักกับคดีเลย และการแฝงตัวเข้าไปเพื่อเก็บข้อมูลมันเป็นหน้าที่ของฝ่ายตำรวจ ไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ส. ที่จะต้องไปล่อซื้อจับกุมบุคคลใดๆ หากพบเห็นใครกระทำผิดก็มีหน้าที่แค่ไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเท่านั้น