แม่ผู้เสียชีวิตในเรือนจําศรีสะเกษ ร้องกระทรวงยุติธรรม ไม่เชื่อลูกลื่นล้มเสียชีวิต หลังสภาพศพมีร่องรอยการทำร้ายร่างกาย พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางร่วมตรวจสอบการเสียชีวิต เนื่องจากคดียังไม่มีความคืบหน้า
จากกรณีที่ นายพรหมปัญญา เกษหอม อายุ 40 ปี ถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ผ่านมา ในเขตพื้นที่ สภ.ปรือใหญ่ ก่อนถูกส่งตัวไปศาลจังหวัดศรีสะเกษ โดยศาลสั่งปรับข้อหาเมาแล้วขับเป็นจำนวนเงิน 6,000 บาท แต่ทางครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินเสียค่าปรับ จึงติดคุกแทนค่าปรับ กระทั่งเช้าวันที่ 18 เม.ย. ญาติได้รับแจ้งจากเรือนจำว่า ลูกชายเสียชีวิต เนื่องจากลื่นล้มในห้องน้ำของห้องขัง โดยแพทย์ รพ.ศรีสะเกษ ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต และลงความเห็นว่า ศีรษะได้รับการกระทบกระแทกอย่างรุนแรง และมีรอยคล้ายถูกทำร้าย มีบาดแผลฟกช้ำตามร่างกาย จึงทำให้ญาติติดสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้
ล่าสุดวันนี้ (24 เม.ย. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วย นางสุรินทร์ เกษหอม มารดาของ นายพรหมปัญญา เกษหอม อายุ 40 ปี ผู้ต้องขังที่เสียชีวิตอย่างปริศนาในเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนขอให้กระทรวงยุติธรรมตั้งกรรมการจากส่วนกลาง ร่วมตรวจสอบสาเหตุการตายที่แท้จริง และเอาผิดเจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องทุกระดับชั้น รวมถึงมายื่นเรื่องขอการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว เนื่องจากไม่เชื่อว่าผู้ตายหกล้มเสียชีวิต
ทั้งนี้ มารดาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ยังคงรู้สึกสงสัยสาเหตุของการเสียชีวิต เนื่องจากสภาพศพไม่น่าจะเกิดจากการหกล้ม มีหลายจุดบนร่างที่ผิดแปลก ปากมีรอยแตกฉีก ใต้คอและข้างลำตัวมีรอยบาดแผล ซึ่งลูกชายไม่ได้มีปัญหากับคนในเรือนจำ และไม่มีคู่อริอยู่ภายในแต่อย่างใด
ด้าน นายรณรงค์ กล่าวว่า ครอบครัวของผู้เสียชีวิตอยากให้ทางกระทรวงยุติธรรมส่งข้าราชการจากส่วนกลางเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว อีกทั้งในขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า เช่นเดียวกับครอบครัวเองก็ยังไม่ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด จึงอยากมาขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรม รวมไปถึงดำเนินการขอรับการเยียวยาเนื่องจากเสียชีวิตในคดีอาญา
อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้มีการยื่นเรื่องให้กระทรวงยุติธรรมทั้งหมด 4 เรื่อง คือ 1.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนจากส่วนกลางเข้าไปตรวจสอบ 2.ให้เอาผิดเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกระดับชั้น 3.ให้พิจารณาเงินช่วยเหลือเยียวยาให้ไวขึ้นจากกรณีที่เป็นเหยื่อจากคดีอาญา 4.ขอให้ตั้งงบประมาณในการช่วยเหลือทางคดีหลังจากนี้ต่อไป