กองทัพเรือ ซื้อเรือดำน้ำ เรือดำน้ำ

‘กองทัพเรือ’ แจงเหตุผลความจำเป็นซื้อ ‘เรือดำน้ำ’

กองทัพเรือแถลงชี้ปมจัดซื้อเรือดำน้ำเพิ่ม 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ยันยันไม่ได้จัดซื้อในปี 2564 ครั้งเดียว แต่เป็นแบ่งจ่ายใน 7 ปี

Home / NEWS / ‘กองทัพเรือ’ แจงเหตุผลความจำเป็นซื้อ ‘เรือดำน้ำ’

ประเด็นน่าสนใจ

  • กองทัพเรือแถลงชี้ปมจัดซื้อเรือดำน้ำเพิ่ม 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท
  • ยันยันไม่ได้จัดซื้อในปี 2564 ครั้งเดียว แต่เป็นแบ่งจ่ายใน 7 ปี
  • ชี้ที่ผ่านมาในทะเลจีนใต้ที่ใกล้ไทย มีหลายชาติประกาศความเป็นเจ้าของ อาจทำให้เกิดการปะทะกันได้

วันที่ 24 ส.ค. กองทัพเรือแถลงชี้ปมจัดซื้อเรือดำน้ำเพิ่ม 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท โดยพล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า การใช้เงิน 22,500 ล้านบาทไม่ได้จัดซื้อในปี 2564 ครั้งเดียว แต่เป็นแบ่งจ่ายใน 7 ปี ดังนั้นการกล่าวหาเช่นนี้ถือเป็นการสร้างความเกลียดชังให้สังคม เรื่องนี้เป็นความลับของราชการ รัฐบาลได้จัดหางบประมาณมาช่วยเหลือและแก้ปัญหาประชาชนทุกด้าน

“การนำเนื้อหาการจัดซื้อมาโจมตีและให้ข่าวที่ผิด ทั้งใช้เงินฟุ่มเฟือย ถือเป็นเรื่องการเมืองและเห็นแก่ตัวที่สุด จะยอมให้นักการเมืองนำเรื่องไม่จริงมาสร้างความเดือดร้อนทำไม จึงขอให้หยุดทำให้ประชาชนเกลียดชังกองทัพ ขอให้เปลี่ยนมุข เมื่อเช้าก็ดูช่องเนชั่น โพลบอกว่า 71 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนอยากให้จัดซื้อเรือดำน้ำ ดังนั้นหยุดสร้างความเกลียดชังและก่อการรวมตัว ตอนนี้นายกฯมีภาระต่างๆมากมายอยู่แล้ว หากการต่อสู้ของรัฐบาลและฝ่ายค้านจะทำให้ประเทศชาติหยุดชะงัก และทำให้กองทัพเรือเป็นจำเลย จึงขอให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์”

“กองทัพเรือเป็นกองทัพของประชาชน พอมีปัญหากองทัพเรือก็ช่วย ช่วงโควิดหน่วยงานไหนที่เข้าไปช่วยแรกๆ และหน่วยงานไหนคืนเงินช่วงโควิดหน่วยงานแรก แต่เมื่อสภาวะคลี่คลาย หน่วยงานก็ต้องเดินหน้า ด้วยการแบ่งจ่ายเป็นรอบๆ ใน 7 ปี” พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าว

พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า จากการที่กองทัพเรือเข้าชี้แจงอนุกมธ.วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนมีอนุกมธ.บางคนนำข้อมูลไม่ครบถ้วนมาแถลง โดยหวังผลทางการเมืองและสร้างผลกระทบต่อรัฐบาล ซึ่งการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นไปตามยุทธศาสตร์ แต่ที่ผ่านมาถูกโยงเป็นประเด็นการเมือง โดยประเทศไทยจัดหาเรือดำน้ำในปี 60 และจะมีประจำการในปี 66

ด้านเจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือพยายามจัดซื้อเรือดำน้ำและดำเนินการในปี 60 ปี 63 แม้มีคนกล่าวว่าจะไม่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ในเร็วๆ นี้ แต่ในทะเลจีนใต้ที่ใกล้ไทยนั้น มีหลายชาติประกาศความเป็นเจ้าของ มีการก่อสร้างสถานี และสนามบินเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุที่อาจทำให้เกิดการปะทะกันได้ หากเกิดการปะทะกัน นี่คือเส้นเลือดใหญ่ของไทยในการค้าและจะมีปัญหาตามมา โดยจะมีปัญหาในเวลาใกล้หรือไกลต้องรอประเมิน แต่การจัดซื้อเรือดำน้ำวันนี้อีก 6 ปีถึงได้รับ

“คำถามว่ากองทัพเรือจะได้เรือดำน้ำในปี 70 ซึ่งการเจรจาต่อชาติหากไม่มีกำลังที่เข้มแข็งจะมีผล ยกตัวอย่างต้นปีที่ผ่านมา มีเรือจากประเทศเพื่อนบ้านมาลาดตระเวนในทะเลของไทย แสดงให้เห็นว่าประเทศนั้นเกรงใจเราหรือไม่ แล้วอีก 7 ปีข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร ยืนยันว่าผลประโยชน์ของชาติ 24 ล้านล้านบาท ในการจัดซื้อเรือดำน้ำเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของชาติเท่ากับแค่ 0.093 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น” เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าว

ส่วนพล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าวว่า การจัดหาเรือดำน้ำอีก 2 ลำเป็นการจัดหาแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่การผูกพันงบใหม่ โดยเป็นรายการเสริมสร้างกำลังกองทัพ โดยทยอยตั้งงบประจำปีตามกรอบ ไม่ได้ขอรับงบเพิ่มเติม ซึ่งงบนี้อยู่ในงบประมาณปี 63 แล้ว

โดยรายการนี้กำหนดว่า

  • ปี 63 จ่าย 3,375 ล้านบาท
  • ปี 64 จ่าย 3,925 ล้านบาท
  • ปี 65 จ่าย 2,640 ล้านบาท
  • ปี 66 จ่าย 2,500 ล้านบาท
  • ปี 67 จ่าย 3,060 ล้านบาท
  • ปี 68 จ่าย 3,500 ล้านบาท
  • ปี 69 จ่าย 3,500 ล้านบาท

“แต่ในช่วงโควิดระบาด จึงประสานไปยังจีนและขอคืนงบประมาณก้อนแรกปี 63 ที่ตั้งไว้แล้ว 3,375 ล้านบาท โดยเป็นการชะลอโครงการ รวมถึงโครงการอื่น เพื่อใช้แก้ปัญหาโควิด ซึ่งกองทัพเรือได้ปรับปรุงเนื้อหาใหม่ โดยมีกำหนดลงนามรัฐต่อรัฐในเดือนก.ย. โดยการจัดงบของกองทัพเรือ ทำโดยความรอบคอบและประหยัด ตระหนักถึงงบของชาติและตั้งงบในกรอบ โดยยืนยันงบ 22,500 ล้านบาท เป็นการจ่ายใน 7 ปี โดยใช้จ่ายตามงบประจำปี ด้วยการตัดงบจัดซื้อยุทโธปกรณ์อื่นลง” พล.ร.ท.ธีรกุล กล่าว

ขณะที่ น.อ.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล รองผอ.สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ กล่าวว่า ตามที่มีผู้ให้ข่าวการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 ส่อเป็นโมฆะนั้น ยืนยันกองทัพเรือไม่พูดเท็จต่อประชาชน และเราไม่ได้อยากซื้อแล้วจะซื้อ เรามียุทธศาสตร์และวิเคราะห์ โดยเรือดำน้ำมีความจำเป็นต่อประเทศ เพื่อสร้างความมั่งคั่งและผาสุข โดยเฉพาะสมบัติทางทะเล เราไม่ได้คิดแค่ปีสองปีถึงจัดซื้อเรือดำน้ำ เพื่อเสริมอำนาจการต่อรอง และมีกำลังไปคุยกับคนอื่นได้ ก่อนเสนอครม.และเห็นชอบซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำเมื่อปี 58 ก่อนองค์กรต่างๆ จะประสานงานและพิจารณา โดยเห็นว่าเรือจากจีนคุ้มค่าสุด

“ส่วนที่บอกว่าจีทูจีปลอม ถือเป็นการกล่าวเท็จและข้อมูลที่ผิด ยืนยันเป็นจีทูจีจริง จึงขออย่าสร้างความแตกแยก โดยรัฐบาลมองว่าการซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจีเป็นความเห็นชอบและตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน ก่อนรัฐบาลสั่งการให้กองทัพเรือดำเนินการและเมื่อวันที่ 1 พ.ค.60 ผบ.ทร.ในขณะนั้น จึงอนุมัติให้พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือในตอนนั้น ไปลงนาม ซึ่งมีการมอบอำนาจชัดเจน ส่วนจีนมีการสั่งการซัสตินและมอบอำนาจให้บริษัท ซีเอสโอซี ที่รับมอบอำนาจมาลงนามร่วมกันกับทางการไทยอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นคนที่มาลงนามได้รับมอบอำนาจมา จึงไม่ใช่จีทูจีปลอม กองทัพเรือไม่เคยพูดเท็จกับประชาชน”

“ปกติจะรับประกัน 1 ปี แต่เราเจรจาและได้รับการประกันถึง 2 ปี พร้อมได้รับการฝึกอบรมและทำการรบได้จริง ซึ่งเรือดำน้ำนั้น ประเทศไทยไม่มีเรือดำน้ำมา 69 ปีแล้ว ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็น” น.อ.ธาดาวุธ กล่าว