การเผชิญหน้าระหว่าง 2 ขั้วอำนาจในศึกชิงตำแหน่งผู้นำเวเนซุเอลา ยิ่งซ้ำเติมให้ประชาชนต้องทนกับภาวะข้าวยากหมากแพงรุนแรงขึ้น
การต่อสู้ระหว่างนายนิโกลัส มาดูโร่ ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาคนปัจจุบัน กับนายฆวน (ควน) ไกวโด ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคฝ่ายค้านที่ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดีรักษาการ ยังดำเนินไปอย่างดุเดือด ท่ามกลางบทบาทของนานาชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เติมเชื้อไฟให้การเมืองในเวเนซุเอลาร้อนแรงขึ้น
แต่ไม่ว่าใครจะชนะในเกมอำนาจครั้งนี้ ดูเหมือนชาวเวเนซุเอลาจะยังต้องเผชิญกับความทุกข์ยากที่มีแนวโน้มจะเลวร้ายลงอีก
สำนักข่าวเอพี ยกกรณีของนางเอลิซาเบธ ปิเนด้า ที่รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 18,000 โบลิวาร์ หรือราว 190 บาท และต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเป็นหมอดู แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เธอจึงต้องกินซุปเนื้อราคา 48 บาท โดยหารกับเพื่อนอีก 2 คน
นางปิเนด้า กล่าวว่า นายมาดูโร่ไม่น่าจะก้าวลงจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้ หรือยอมจากไปแบบเงียบๆ
นักเศรษฐศาสตร์หลายรายมองตรงกันว่า หากการเผชิญหน้าระหว่างนายไกวโด ซึ่งสหรัฐฯ หนุนหลัง กับนายมาดูโร่ ที่รัสเซียกับจีนสนับสนุน ลากยาวออกไป ก็อาจทำให้ชาวเวเนซุเอลาเผชิญความลำบากมากขึ้น
โดยในส่วนรัฐบาลทางเลือกก็มีความเสี่ยงสูง และไม่มีอำนาจแท้จริงที่จะสกัดรัฐบาลปัจจุบันในการเข้าถึงรายได้จากน้ำมัน รวมถึงอำนาจทางกฎหมายและการเงิน
ขณะที่รัฐบาลปัจจุบันของนายมาดูโร่ก็เผชิญความท้าทายจากท่าทีของสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้เข้าถึงสินทรัพย์และรายได้จากต่างประเทศได้ยากขึ้น รวมถึง “ซิตโก้” บริษัทปิโตรเลียมที่มีสำนักงานในสหรัฐฯ และอยู่ในเครือ PDVSA บริษัทพลังงานของรัฐบาลเวเนฯ ไปจนถึงทองคำสำรองของเวเนฯ มูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์ หรือ 38,000 ล้านบาท ที่เก็บในธนาคารกลางอังกฤษ
ด้านรัฐบาลยุโรปหลายชาติก็ขู่จะยอมรับประธานาธิบดีรักษาการ หากนายมาดูโร่ยืนยันไม่จัดเลือกตั้งใหม่ ซึ่งอาจทำให้การผลิตน้ำมันของเวเนฯ ที่เป็นรายได้หลัก ต้องหยุดชะงัก และยิ่งกระทบประชาชนที่เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ปัญหาขาดแคลนอาหารและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จนตกอยู่ในสภาพอดอยากและต้องอพยพออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก