ศรีสุวรรณ แนะประชาชนช่วยจับผิดการบริการรถเมล์ เตรียมนำหลักฐานยื่นศาลปกครองระงับขึ้นราคา
หลังศาลปกครองมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามมติคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางชี้หากประชาชนช่วยจับผิดว่ารถโดยสารทุกประเภทไม่ได้ปรับปรุงรถและบริการให้ดีขึ้นตามข้ออ้างอาจทำให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการขึ้นค่าโดยสารได้
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามมติของคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง หลังมีมติให้ขึ้นค่ารถโดยสารทั้งระบบได้เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้รถโดยสารทุกประเภท อาทิ รถ ขสมก. รถร่วมบริการ รถ บขส. รถตู้โดยสาร รถสองแถว ฯลฯ สามารถขึ้นค่าโดยสารได้ตามมติ คือตั้งแต่ 1- 7 บาทนั้น
กรณีดังกล่าวศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยสรุปได้ว่าหากศาลมีคำสั่งระงับการขึ้นค่าโดยสารตามคำขอ เกรงว่าผู้ประกอบการรถโดยสารจะหยุดกิจการเพราะขาดทุน หรือลดจำนวนรถโดยสารลง หรือลดคุณภาพการให้บริการลง ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนไม่มีรถโดยสารให้บริการอย่างพอเพียง หรือการให้บริการขาดคุณภาพในการบริหารจัดการที่ดีนั้น
ประเด็นดังกล่าวเป็นกรณีที่ประชาชนทุกคนที่จำเป็นที่จะต้องใช้บริการรถโดยสารต่างๆ โดยต้องช่วยกันจับผิดรถโดยสารทุกประเภทนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ว่ารถโดยสารเหล่านั้นมีการให้บริการที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้โดยสารหรือไม่ คุณภาพการให้บริการดีขึ้นหรือไม่
ยังมีปัญหาการขับรถที่ก่อให้เกิดความหวาดเสียว การวิ่งรถแข่งกันแย่งผู้โดยสารหรือไม่ มีการวิ่งรถจนก่ออุบัติเหตุบ่อยครั้งหรือไม่ มีรถที่ใหม่ขึ้นหรือไม่มีความสกปรกอยู่อีกหรือไม่ พนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารมีการใช้ถ้อยคำผรุสวาทหยาบคายกับผู้โดยสารหรือไม่ การแต่งตัวของพนักงานถูกต้องตามระเบียบของกรมการขนส่งหรือไม่ และรถโดยสารแต่ละคันมีการปล่อยควันดำออกมาเกินมาตรฐานบนท้องถนนอยู่อีกหรือไม่
หากพบว่ามีและไม่เป็นไปตามข้ออ้างของผู้ประกอบการและคณะกรรมการขนส่งทางปกกลางที่มีมติให้ปรับขึ้นค่าโดยสาร ขอให้ประชาชนช่วยกันถ่ายรูปเก็บหลักฐาน ระบุวัน เวลา สถานที่ที่พบเห็น แล้วส่งมาที่เฟซบุ๊กของศรีสุวรรณ จรรยา เพื่อที่จะได้รวบรวมส่งให้ศาลปกครองได้พิจารณาในเนื้อหาหลักของการต่อสู้คดีในคดีนี้ต่อไป
ซึ่งหากมีข้อมูลดังกล่าวจำนวนมาก เชื่อว่าในคำพิพากษาที่จะมีขึ้นในอนาคตศาลปกครองอาจจะมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งการขึ้นค่ารถโดยสารทั้งระบบนี้ได้ และจะได้ใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดทางอาญาต่ออธิบดีกรมการขนส่งทางบก รมว.คมนาคม และคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป