ข่าวสดวันนี้ บิ๊กป้อม รวยติดอันดับ เว็บไซต์ investing

‘บิ๊กป้อม’ ฟ้องเว็บ ‘อินเวสติ้ง’ กุข่าวร่ำรวยติดอันดับในเอเชีย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเตรียมฟ้องเว็บไซต์ investing  รายงานข้อมูลระบุว่าพล.อ.ประวิตร มีรายชื่อติดอันดับเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชีย เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 29 เม.ย. 2562 ที่กระทรวงกลาโหม…

Home / NEWS / ‘บิ๊กป้อม’ ฟ้องเว็บ ‘อินเวสติ้ง’ กุข่าวร่ำรวยติดอันดับในเอเชีย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเตรียมฟ้องเว็บไซต์ investing  รายงานข้อมูลระบุว่าพล.อ.ประวิตร มีรายชื่อติดอันดับเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชีย

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 29 เม.ย. 2562 ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ investing รายงานข้อมูลเรื่อง พล.อ.ประวิตร มีรายชื่อติดอันดับเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชียว่า เป็นเรื่องของข่าวปลอม หรือ fake news ซึ่งจบไปแล้ว

ทั้งนี้มีการเปิดเผยว่าจะมีการดำเนินการกับเว็บไซต์ดังกล่าวตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้พล.อ.ประวิตรระบุว่าในส่วนของทรัพย์สินขอตนทั้งหมด ได้รายงานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับทราบหมดแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร แต่กังวลเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องข่าวปลอม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เว็บอินเวสติ้ง ลบรายงาน “บิ๊กป้อม” เศรษฐีรวยติดอันดับเอเชีย

[27 เม.ย. 2562] จากการตรวจสอบรายงานของเว็บไซต์ อินเวสติ้ง (www.investing.com) หลังจากมีกรณีที่ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ดังกล่าวรายงานข้อมูลเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีรายชื่อติดอันดับเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชีย

ทั้งนี้หลังจากมีรายงานจากเว็บไซต์อินเวสติ้ง ที่ได้เผยเเพร่ข้อมูลระบุว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีรายชื่อเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชีย จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ของไทย จนทำให้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาแถลงข่าวโต้ตอบ ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอมนั้น”

ล่าสุด จากการตรวจสอบรายงานข้อมูลในเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่า ได้มีการถอดรายงานที่มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกไปจากหน้าเว็บไซต์แล้ว

‘บิ๊กป้อม’ พร้อมให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบทรัพย์สิน

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีถูกโซเชียลมีเดีย โจมตีเรื่องเรื่องติดอันดับเศรษฐีเอเชีย โดยย้ำว่า ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจ เพราะไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนบัญชีทรัพย์สิน ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ไปหมดแล้ว แต่หากต้องการให้สอบสวนสิ่งใด ขอให้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ระหว่างตอบคำถามสื่อฯ พลเอกประวิตร ได้แสดงอารมณ์ฉุนเฉียว หลังถูกถามปมบัญชีทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ และการโยกย้ายทรัพย์สินไปต่างประเทศ พร้อมย้ำว่า เป็นเรื่องไม่จริงทั้งสิ้น ก่อนเดินไปขึ้นรถ ออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที

อย่างไรก็ตาม คลิปจังหวะที่พลเอกประวิตร แสดงอาการฉุนเฉียวออกมา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นพฤติกรรม “ตบนักข่าว” นั้น ได้ถูกแชร์และวิพากษ์วิจารณ์กันในอย่างหนักหน่วงในโซเชียลมีเดีย ก่อนที่ “วาสนา นาน่วม” นักข่าวสายทหารชื่อดัง ที่ถูกมองว่าเป็นคู่กรณีนั้น จะโพสต์ชี้แจงเรื่องดังกล่าว โดยยืนยันว่า เหตุการณ์ทั้งหมด เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันใหญ่โต และไม่ได้ถูกตบแต่อย่างใด แต่แท้จริงแล้ว เป็นการแกล้ง หรือหยอกล้อของพลเอกประวิตร กับนักข่าวตามปกติ

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์

เรียกร้อง เว็บไซด์อินเวสติ้ง เปิดเผยแหล่งข้อมูล

[22 เม.ย. 2562] พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. กล่าวว่า เว็บไซด์อินเวสติ้ง (https://www.investing.com) ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยนำชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม.และรมว.กห.เข้าไปเชื่อมโยงกับรายชื่อบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชีย จำนวน 45 คน ซึ่งขาดข้อมูลอ้างอิงประกอบ พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้เว็บไซด์ดังกล่าวและผู้รับผิดชอบ เปิดเผยข้อมูลและที่มาของแหล่งข้อมูลทรัพย์สินของบุคคลต่างๆที่ถูกต้องโดยเร็ว เพื่อให้สังคมไทยหายสงสัยว่า การกระทำดังกล่าว มิได้มีนัยยะ หรือเจตนาอื่นใด ที่เชื่อมโยงกับการรับประโยชน์ เพื่อการขยายผลใช้ประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง

พล.ท.คงชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่า สังคมไทยเคารพและเชื่อมั่นว่า สื่อมวลชนหลักของไทย มีจรรยาบรรณวิชาชีพและความรับผิดชอบเพียงพอในการใช้ดุลยพินิจ พิจารณาถึงแหล่งที่มาและความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับจากทั้งภายในและนอกประเทศ โดยนำมากลั่นกรองอย่างรอบคอบก่อนเผยแพร่นำเสนอข่าวสารที่ถูกต้องให้กับประชาชน เพื่อดำรงชื่อเสียงและสั่งสมสถานะความน่าเชื่อถือของสื่อหลักในสังคม