ประเด็นน่าสนใจ
- ความคืบหน้าการแก้หนี้เกษตรกร ซึ่งในปีงบประมาณ 2563 กฟก. ได้จัดสรรงบประมาณไว้ 1,000 ล้านบาท
- จัดการหนี้เกษตรกร ตั้งเป้า 2,700 ราย
- คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) มีมติในสองเรื่องหลัก
เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการแก้หนี้เกษตรกร ซึ่งในปีงบประมาณ 2563 กฟก. ได้จัดสรรงบประมาณไว้ 1,000 ล้านบาทไว้สำหรับการจัดการหนี้เกษตรกร ตั้งเป้า 2,700 ราย
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้มีมติในสองเรื่องหลักด้วยกัน คือ
1) เห็นชอบปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดการทรัพย์สินหลักประกันของเกษตรกรที่ได้มีการจำหน่าย จ่ายโอนเพื่อการชำระหนี้ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์สภาพปัญหาของเกษตรกรในปัจจุบัน
รวมทั้งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของมติคณะรัฐมนตรีในปี 52 และ 55 ที่ต้องการรักษาที่ดินทำกินของเกษตรกรโดยการปรับแก้ระเบียบฉบับนี้ จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรร่วมพันรายที่เข้าไม่ถึงการช่วยเหลือเนื่องด้วยติดขัดจากระเบียบฯ เดิม ทำให้ทรัพย์สิน เช่น ที่ดินทำกินถูกยึดโดยสถาบันการเงินหรือขายทอดตลาด จากนี้จะจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการซื้อที่ดินคืน ประมาณ 320 ล้านบาท
2) เห็นชอบการขยายกรอบวงเงินในการชำระหนี้แก่ธนาคารเจ้าหนี้แทนเกษตรกรสมาชิก กฟก. (เกษตรกรยังคงต้องชำระหนี้กับ กฟก.) จากเดิมไม่เกินรายละ 2.5 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท มีจำนวน 137 ราย ซึ่งล้วนแล้วเป็นหนี้ค้างยืดเยื้อรอดำเนินการมาเป็นเวลานาน
ในส่วนการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารเจ้าหนี้ นางสาวรัชดา กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ได้เจรจากับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นที่แรกแล้ว เพราะมีเกษตรกรสมาชิก กฟก. เป็นลูกหนี้จำนวนมาก และขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการธนาคาร โดยจะใช้เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรในธนาคารเจ้าหนี้อื่นต่อไป