‘ชัชชาติ’ จี้รัฐบาล-เอกชน เร่งแก้ปัญหา PM 2.5 เมืองเชียงใหม่ แนะสร้างความเข้าใจและพัฒนากระบวนการแปรรูปซังข้าวโพด หลีกเลี่ยงการเผาชีวมวล
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย ออกกำลังกายที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี 13 รอบรวม 5.2 กิโลเมตร และตักบาตรตอนเช้าที่ตลาดต้นพะยอม โดยนายชัชชาติ กล่าวว่าบรรยากาศตอนเช้าที่ตนมาวิ่งออกกำลังกายจะเห็นแนวฝุ่นอยู่ตามดอยพอสมควร ซึ่งเมื่อวานนี้ที่ตนอ่านข่าวพบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเผาชีวมวลตามพื้นที่รอบๆ เชียงใหม่ และเนื่องจากเชียงใหม่เป็นหุบเขา ฝุ่นก็เลยสะสมอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลและเป็นมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว แม้ว่าคนกรุงเทพฯ จะเพิ่งตื่นตัวก็ตาม แต่ตนเชื่อว่าคนเชียงใหม่มีความทุกข์กับเรื่องนี้มานานแล้ว อย่างไรก็ตามตนมองว่าการมีอากาศบริสุทธิ์เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน รัฐมีหน้าที่ช่วยให้คนมีอากาศที่บริสุทธิ์มีคุณภาพชีวิตที่ดีเพราะคนตัวเล็กๆ แต่ละคนไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้
นายชัชชาติ มองว่าขั้นแรกรัฐต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง โดยการติดตั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศอย่างทั้วถึงเพื่อทราบว่าฝุ่น ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไร และต้องมีการแจกหน้ากากกันฝุ่นฟรีให้กับประชาชนที่ต้องการ เพราะถ้าประชาชนไม่สบายค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ยิ่งสูงและรัฐต้องรับผิดชอบ และรัฐต้องจัดหาเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน
นอกจากนี้จะต้องหาสาเหตุของการเกิดฝุ่นพิษดังกล่าว เช่น การเผาชีวมวล หรือการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซลที่ไม่สมบูรณ์ อนาคตต้องรณรงค์ให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถสาธารณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อาทิ รถพลังงานไฟฟ้า แต่จากการที่ตนดูข้อมูลมาจะพบว่าส่วนใหญ่เป็นการเผาตอซังข้าวโพดที่บุกรุกป่าเข้าไปปลูก
ตนคิดว่าวิธีการแก้ต้องไม่ปล่อยให้เป็นภาระของชาวไร่และรัฐบาลอย่างเดียว แต่บริษัทใหญ่ที่รับซื้อข้าวโพดไปทำอาหารสัตว์ควรจะมาร่วมรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่เอาแต่ข้าวโพดไปแล้วทิ้งตอซังไว้ให้รัฐบาลกับชาวไร่รับผิดชอบ แต่ต้องคิดทั้งระบบ ให้บริษัทเหล่านี้ควรจะมาช่วยทำเพื่อหาทางออก เช่น การวิจัยพัฒนาทำเครื่องมือที่เอาสิ่งเหลือจากการปลูกเอาไปทำเชื้อเพลิง หรืออัดเป็นถ่าน แต่ต้องลงทุนไม่ใช่ปล่อยเป็นภาระของคนอื่น รวมทั้งค้นคว้าวิจัยอุปกรณ์เก็บตอซังข้าวโพดได้หลังเก็บเกี่ยวโดยไม่ต้องให้ชาวไร่รับผิดชอบโดยการเผา
เนื่องจากเกษตรกรไม่มีทุนในการเก็บ แต่ถ้ามีอุปกรณ์ที่วิจัยและพัฒนามาเป็นอย่างดี ช่วยชาวไร่ในการเก็บหรือเอาตอซังข้าวโพดไปอัดเป็นถ่าน ซึ่งบริษัทที่รับซื้อข้าวโพดไปควรรับผิดชอบเพราะมีทุนและมีความรู้ แต่ตนยังมองว่าการแก้ปัญหาก็ต้องเกิดจากความร่วมมือกันของทุกฝ่ายทั้งชาวไร่ เอกชน และรัฐบาล หรือในระยะยาวอาจเปลี่ยนเป็นพืชชนิดอื่นที่ส่งผลต่อมลภาวะน้อยลง
นายชัชชาติมองว่าเชียงใหม่ หัวใจคือการท่องเที่ยว มีรายได้จากการท่องเที่ยวปีที่แล้วประมาณหนึ่งแสนแปดพันล้านบาท นักท่องเที่ยวมาเชียงใหม่ราวสิบล้านแปดแสนคน เป็นชาวต่างชาติสามล้านสองแสนคน ดังนั้นทั้งหมดจะไปไม่ได้ถ้าคุณภาพชีวิตของเชียงใหม่ไม่ดี สุดท้ายมันจะไม่ยั่งยืน จึงต้องแก้ปัญหาเรื่องอากาศและการจราจรต่างๆ แต่รัฐบาลจากส่วนกลางจะแก้ปัญหาฝ่ายเดียวไม่ได้เพราะไม่เข้าใจปัญหา ต้องร่วมมือกับท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง และรัฐบาลกลางช่วยให้ทรัพยากรและงบประมาณโดยการกระจายอำนาจลงมา
เมื่อถามว่าค่าฝุ่น PM 2.5 สูงต่อเนื่องจะส่งผลต่อนักท่องเที่ยวหรือไม่ นายชัชชาติตอบว่า แน่นอน แต่เริ่มจากคุณภาพชีวิตก่อนว่าระยะยาวจะมีผลต่อการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ประสิทธิภาพในการทำงานของประชากรลดลง นักท่องเที่ยวเองก็อาจจะไม่มาเที่ยวในช่วงที่ค่าฝุ่นพิษขึ้นสูง แต่ตนมองว่าต้องกังวลคนท้องถิ่นก่อน นักท่องเที่ยวจึงเป็นเรื่องรองลงมา เพราะอย่างน้อยคนของเราต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี
เมื่อวานตนมาลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ก็เห็นมีเด็กมารณรงค์กลางสี่แยก คนกรุงเทพฯเจอฝุ่นพิษครั้งแรกเป็นเรื่องใหญ่ แต่คนเชียงใหม่อดทนกับเรื่องนี้มานาน ต้องดูให้เป็นวาระการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะผลกระทบที่เกิดรอบด้าน ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจ แต่รวมถึงสุขภาพด้วย การบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่ต้องเริ่มจากความเข้าใจและร่วมใจกันแก้ปัญหา เพราะถ้าเอากฎหมายไปบังคับไล่จับจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน
หลังจากนั้นนายชัชชาติ พร้อมด้วยนายนพดล ปัทมะ และนายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ ผู้สมัคร ส.ส. ลำปาง เขต 3 (อำเภอแม่เมาะ แม่ทะ และอำเภอเมือง) เบอร์ 10 นมัสการพระธาตุลำปางหลวง ต.เกาะคา อ.เมือง และเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนและศาสตรวุธโบราณลำปาง วัดดอนไชย ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร ร่วมกับนายกิตติกร โล่ห์สุนทร ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ลำปาง (อำเภอเมือง และห้างฉัตร) เบอร์ 10