ขับรถชนตำรวจ บอส อยู่วิทยา อัยการสูงสุด

คณะตรวจสอบฯ อสส. มีมติเสนอสั่งดำเนินคดี ‘บอส อยู่วิทยา’

คณะตรวจสอบฯ ของอัยการสูงสุด มีมติ ให้อัยการสูงสุดเสนอดำเนินคดี 'บอส อยู่วิทยา' คดีเสพโคเคน และมีการสอบสวนใหม่กรณีขับรถเร็ว

Home / NEWS / คณะตรวจสอบฯ อสส. มีมติเสนอสั่งดำเนินคดี ‘บอส อยู่วิทยา’

ประเด็นน่าสนใจ

  • รองอัยการสูงสุดพิจารณาเผยเหตุสั่งไม่ฟ้องคดี ‘คดีบอส อยู่วิทยา’ เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุดทุกประการ
  • คณะตรวจสอบฯ ของอัยการสูงสุด มีมติ ให้อัยการสูงสุดเสนอดำเนินคดี ‘บอส อยู่วิทยา’ คดีเสพโคเคน
  • และมีการสอบสวนใหม่กรณีขับรถเร็ว

วันนี้ (4 ส.ค.63) คณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ขับรถยนต์หรูชนตำรวจเสียชีวิต ของสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลการตรวจสอบหลังใช้เวลา 1 สัปดาห์ ในการพิจารณาคดี

โดย นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงข่าวผลพิจารณาของคณะทำงานกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ขับรถชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ อดีตผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2555 ของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มีสาระสำคัญเบื้องต้นดังนี้

นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดพิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุดทุกประการ โดยการพิจารณายึดพยานหลักฐานตามแนวทางการสอบสวนของตำรวจ

คณะตรวจสอบฯ ของอัยการสูงสุด มีมติ ให้อัยการสูงสุด แจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ‘บอส อยู่วิทยา’ ในประเด็น พบสารโคเคน อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ถือว่าการกระทำของผู้ต้องหาส่วนนี้เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ตามมาตรา 58 มีอัตราตามมาตรา 91ข้อหาส่วนนี้ยังไม่มีการแจ้งดำเนินคดีผู้ต้องหา ที่ 1 คือ นายบอส คณะกรรมการมีความเห็นเสนออัยการสูงสุด ให้แจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีนายบอส ในข้อหานี้ และคดีนี้

ส่วนคดีขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดทาง คณะตรวจสอบฯ เสนอให้มีพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนใหม่ หลัง นายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นคณะทำงานของพนักงานสอบสวน ซึ่งได้ลงพื้นที่ในวันที่เกิดเหตุด้วยนั้น ระบุว่า รถของนายวรยุทธขับด้วยความเร็ว 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งหากพบหลักฐานใหม่สามารถดำเนินคดีต่อได้ เพราะคดียังไม่หมดอายุความ ยืนยันว่า คำสั่งเด็ดขาดของอัยการสูงสุดไม่ได้ถือเป็นที่สิ้นสุด

ด้านนายชาญชัย ยอมรับว่า คดีดังกล่าวทำให้อัยการสามารถถอดบทเรียนเกี่ยวกับ 1.การใช้ดุลยพินิจของพนักสอบสวนควรมีความเห็นร่วมกันกับอัยการในเรื่องความเร็วรถเพราะเป็นประเด็นสำคัญในการสั่งคดี 2.เรื่องการยื่นขอความเป็นธรรมซึ่งต้องปรับเปลี่ยนให้มีเงื่อนไขชัดเจนขึ้น เช่น ผู้ต้องสามารถยื่นขอความเป็นได้เพียงครั้งเดียว ผู้ต้องหาต้องมารายงานตัวด้วยตัวเอง เนื่องจากมีหลายข้อหาหมดอายุความ