พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ภาคใต้ ส.ว. เหตุก่อความไม่สงบ

มท.1 ไม่ห่วงถูกโจมตีหลังเปิดรายชื่อ 194 ส.ว.โต้มีรายชื่อคนสนิท

มท.1 ไม่ห่วงถูกโจมตีหลังเปิดรายชื่อ 194 ส.ว.โต้มีรายชื่อคนสนิทไม่เป็นความจริง เมิน ทษช.จ่อจัดเวที 4 ภาค ไม่เอาเผด็จการ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิเสธตอบกรณีที่อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ประกาศเดินหน้าจัดเวทีปราศรัย…

Home / NEWS / มท.1 ไม่ห่วงถูกโจมตีหลังเปิดรายชื่อ 194 ส.ว.โต้มีรายชื่อคนสนิท

มท.1 ไม่ห่วงถูกโจมตีหลังเปิดรายชื่อ 194 ส.ว.โต้มีรายชื่อคนสนิทไม่เป็นความจริง เมิน ทษช.จ่อจัดเวที 4 ภาค ไม่เอาเผด็จการ

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิเสธตอบกรณีที่อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ประกาศเดินหน้าจัดเวทีปราศรัย 4 ภาค ยุติการสืบทอดอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยระบุเพียงสั้นๆ ขณะนี้ทุกคนทำงานตามหน้าที่ปกติในการดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนจะเป็นการปลุกกระดมก่อม็อบหรือไม่นั้น ทุกคนคงหวังอย่างยิ่งว่าอยากให้ประเทศชาติเกิดความสงบเรียบร้อย เนื่องจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากแล้ว ทุกคนได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและชีวิตความเป็นอยู่ ทุกคนจึงได้รับบทเรียนและหวังไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวตอบขึ้นอีก

ส่วนรายชื่อสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทั้ง 400 คน ที่ คสช.จะคัดเลือกให้เหลือ 194 คน ซึ่งมีกระแสข่าวเป็นมีรายชื่อคนสนิทของ คสช. อยู่ในจำนวนนั้น พลเอกอนุพงษ์ กล่าวยืนยันว่า กระแสข่าวดังข่าวไม่มีพื้นฐานของความเป็นจริง และส่วนตัวไม่ขอตอบในเรื่อง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาในการพิจารณา และให้ คสช.เป็นผู้ดำเนินการ แม้ตนเองจะอยู่ใน คสช.แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจากยังไม่มีการหารือกัน และไม่ห่วงว่าจะโดนโจมตีหลังจากมีการเปิดเผยรายชื่อ ส.ว.ทั้ง 194 คนออกมา เพราะกระแสข่าวที่ออกมานั้น ผู้สื่อข่าวเขียนกันไปเอง

ส่วนกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ว่า เมื่อวานนี้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงพื้นที่จังหวัดพัทลุงและสตูลเพื่อตามสถานการณ์ร่วมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง 2 จังหวัดนี้นอกเขตพื้นที่3จังหวัดใช้แดนภาคใต้ แต่กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้นายอำเภอใช้มาตรการเชิงรับในพื้นที่ เช่น มาตรการป้องกันทั้งพื้นที่สาธารณะ และในพื้นที่ราชการทั้งหมด จะต้องใช้มาตรการของจังหวัดใช้แดนภาคใต้ โดยใช้การบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ แต่มาตรการที่ต้องใช้ความเข้มข้นหรือมาตรการด้านการข่าวที่จะต้องทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ถึงจะสามารถทราบได้ว่าจะกำหนดมาตรการอย่างไร และยังใช้กฎหมายปกติอยู่

สถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบกับการเลือกตั้งในพื้นที่หรือไม่นั้น ล่าสุดที่ได้รับไปมายืนยันว่าสถานการณ์ยังไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ไทยด้านการข่าวรวมถึงเตรียมการรับมือ