กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนผู้ประกอบกิจการและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง ให้ควบคุม ดูแล รพ.คลินิกอย่างใกล้ชิดมิให้มีการประกอบกิจการผิดลักษณะ นำสถานพยาบาลมาเปิดเป็นร้านขายยาลักลอบจำหน่ายยาต้องห้ามแทนการรักษาพยาบาลผู้ป่วย
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด บุกจับนายทุนขายยาลดความอ้วน โดยผู้ต้องหากล่าวอ้างว่าได้จ้างแพทย์ตามคลินิกให้ช่วยสั่งยาดังกล่าวจาก อย.ตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งแพทย์จะเป็นคนไปเซ็นเบิกรับยาก่อนจะมีการนำยาส่วนหนึ่งออกมาให้ผู้ต้องหานำไปกระจายขายต่อ โดยไม่ได้มีการจ่ายให้แก่ผู้ป่วยในคลินิก นั้น
นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณีดังกล่าว กรม สบส.ขอเน้นย้ำกับผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง ให้ควบคุม กำกับ มิให้มีการการประกอบกิจการผิดประเภท หรือลักษณะตามที่ขออนุญาต โดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2559 ได้กำหนดนิยามให้ “สถานพยาบาล” คือ สถานที่รวมตลอดถึงยานพาหนะซึ่งจัดไว้เพื่อการประกอบโรคศิลปะ การประกอบวิชาชีพเวชกรรม การประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ การประกอบวิชาชีพทันตกรรม การประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด การประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ทั้งนี้ โดยกระทำเป็นปกติธุระไม่ว่าจะได้รับประโยชน์ตอบแทนหรือไม่
ดังนั้น การนำยาลดความอ้วนที่มีฤทธิ์ต่อจิตและระบบประสาทไปจำหน่ายให้กับผู้อื่นแทนที่จะนำไปใช้ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย จึงเป็นการกระทำผิดกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล ใน 2 มาตรา คือ 1.มาตรา 34 (2) ผู้ดำเนินการไม่ควบคุมและดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบวิชาชีพของตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.มาตรา 37 ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการปล่อยปละ ละเลย หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้สถานพยาบาลประกอบกิจการสถานพยาบาลผิดประเภทหรือผิดลักษณะการให้บริการตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และในส่วนของแพทย์ผู้ให้บริการจะส่งข้อมูลให้แพทยสภาดำเนินการด้านจริยธรรมต่อไป
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า การลดน้ำหนักโดยการใช้ยาลดความอ้วนที่มีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท จะต้องอยู่ในการควบคุมกำกับของแพทย์ การที่ผู้ป่วยนำยามารับประทานเองโดยที่ไม่มีการควบคุม อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด มีอาการนอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว ยิ่งในรายที่มีอาการรุนแรงอาจจะเกิดอาการชัก หรือเสียชีวิตได้ จึงขอเตือนประชาชนว่าอย่าซื้อยาลดความอ้วนมีฤทธิ์ต่อจิตและประสาทมารับประทานเองโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ หากพบเห็นการกระทำผิดของสถานพยาบาลเอกชนในเขตกรุงเทพฯ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กรม สบส.หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18618 ในวันและเวลาราชการ กรม สบส.จะดำเนินการตรวจสอบและลงโทษกับผู้กระทำผิดกฎหมายโดยไม่มีการละเว้นแต่อย่างใด