สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ชาวกรุงคารากัส เมืองหลวงของประเทศเวเนซุเอลา ต้องประสบปัญหาน้ำประปาไม่ไหล ซึ่งสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างทั่วประเทศ ที่ดำเนินมาตั้งแต่วันพฤหัสที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมาภาวะขาดแคลนน้ำประปาทำให้ชาวเมืองต้องหาแหล่งน้ำทดแทนไว้ใช้อุปโภคและบริโภค โดยชาวเมืองบางส่วนเลือกที่จะไปรองน้ำจากท่อน้ำทิ้งที่ไหลลงสู่แม่น้ำใจกลางเมือง
จากการขาดแคลนไฟฟ้าและน้ำประปา ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ยิ่งซ้ำเติมให้ชาวเวเนซุเอลา ต้องทนทุกข์กับการขาดแคลนอาหารและยา ส่งผลให้ผู้คนในกรุงการากัสต้องเดินเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรไปทำงาน เนื่องจากรถไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ ด้านญาติของชาวเวเนฯ ที่อยู่ต่างประเทศต่างกังวลที่ไม่สามารถโทรศัพท์หาหรือติดต่อญาติได้ ขณะที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ใช้งานได้แบบติดๆ ขัดๆ
หลังเกิดเหตุไฟฟ้าดับ นายนิโกลัส มาดูโร่ ประธานาธิบดีเวเนฯ ออกมาระบุว่า เครือข่ายไฟฟ้าของประเทศถูก “โจมตี” จากสหรัฐฯ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นผลจากการไม่ลงทุนพัฒนานานหลายปีของเวเนซุเอลา
ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธคำกล่าวหาของนายมาดูโร่ โดยเขาทวีตข้อความว่า เหตุไฟฟ้าดับและความอดอยากในเวเนฯ ไม่ได้เป็นเพราะสหรัฐฯ หรือประเทศใด แต่เป็นผลจากการปกครองที่ไร้ความสามารถของนายมาดูโร่
เหตุไฟดับครั้งนี้ถือว่ายาวนานที่สุดในรอบทศวรรษ โดยเมื่อปี 2556 กรุงการากัส และรัฐต่างๆ อีก 17 รัฐ จากทั้งหมด 23 รัฐ เผชิญกับเหตุไฟดับนาน 6 ชั่วโมง ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว 8 รัฐของประเทศ เผชิญไฟดับนานถึง 10 ชั่วโมง