คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บรรยายเรื่อง “มหันตภัยฝุ่นพิษถล่มเมือง” เผย PM 2.5 ทุก 10 ไมโครกรัม ทำอายุสั้นลง 0.98 ปี
มลพิษจากหมอกควันที่ยังทวีความรุนแรง ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ พีเอ็ม 2.5 พุ่งสูงเกินมาตรฐานต่อเนื่องแล้ว 3 วัน จนมีผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะที่เว็บไซต์ Airvisaul จัดอันดับคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่อยู่ในขั้นวิกฤตอันดับ 1 ของโลกในวันที่ 11 และ 12 มี.ค. ส่วนวันนี้ ( 13 มี.ค.) ยังคงติดหนึ่งในสามอันดับแรก
ล่าสุด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดบรรยายเรื่อง “มหันตภัยฝุ่นพิษถล่มเมือง” ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 50 ปี โดยมีแพทย์ พยาบาล บุคคลากร นักศึกษา และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ชายชาญ โพธิรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. เผยว่า พีเอ็ม 2.5 ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรต่อปี ทำให้ประชาชนที่เกิดและอาศัยในพื้นที่นั้นตลอดชีวิตอายุขัยสั้นลง 0.98 ปี รวมทั้งทุก ๆ 10 ไมโครกรัมของ พีเอ็ม 2.5 ที่เพิ่มขึ้นต่อวัน จะมีอัตราการมารักษาตัวที่โรงพยาบาล ทั้งเข้าห้องฉุกเฉิน และ นอนรักษาตัว เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ซึ่งเกิดจากภาวะเฉียบพลันของโรคเส้นเลือดในสมองแตก เส้นเลือดในสมองตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว ปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพองกำเริบ หอบหืดกำเริบ
ผลการวิจัยในต่างประเทศพบว่า พีเอ็ม 2.5 มีความสัมพันธ์กับการป่วยของ 4 โรค คือ ปอดอักเสบ , หัวใจขาดเลือด , มะเร็งปอด และ หลอดเลือดสมอง ขณะที่ 5 อันดับของโรคที่คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด คือ โรคมะเร็ง , โรคหลอดเลือดในสมอง , โรคปอดอักเสบ , โรคหัวใจขาดเลือด และ การบาดเจ็บจากการจราจรทางถนน ตามลำดับ โดยจะเห็นว่า 4 อันดับแรกของโรคที่คนไทยเสียชีวิตมากที่สุดเป็นโรคที่สัมพันธ์กับมลพิษทิ้งสิ้น
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ชายชาญ กล่าวว่า ผลกระทบระยะสั้นที่เกิดขึ้นยังรุนแรงเช่นนี้ หากมองถึงผลกระทบระยะยาวมากกว่านี้ 10 เท่า ประชาชนจะเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี ประชาชนจะเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 -14 จะเป็นความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จะมีปัญหาหลอดเลือดเสื่อมและทำให้เป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
ก่อนหน้านี้ เคยศึกษาวิจัยสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรใน จ.เชียงใหม่ เพื่อวิเคราะห์หาความเชื่อมโยงกับค่า พีเอ็ม 2.5 ซึ่งพบว่าในช่วงปี 2016 – 2018 พบว่าค่าพีเอ็ม 2.5 ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สัมพันธ์กับการเสียชีวิตรายวันของชาวเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ภายใน 1 สัปดาห์
ส่วนที่ อ.เชียงดาว ที่เคยลงพื้นที่เก็บข้อมูลและทำวิจัย พบว่าค่าพีเอ็ม 2.5 ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชาว อ.เชียงดาวเสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 นอกจากนี้ยังมีการวิจัยถึงอัตราการเสียชีวิตของประชากรจากผลกระทบของ พีเอ็ม 2.5 ในปี 2009 ซึ่งสำรวจข้อมูลในจังหวัดที่มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ รวม 17- 18 จังหวัด รวมเชียงใหม่ด้วย อยู่ประมาณ 38,000 กว่าราย ซึ่งตัวเลขใกล้เคียงกับที่องค์การอนามัยโลกเคยประมาณการณ์ไว้ที่ 37,000 ราย หรือเฉลี่ยเดือนละ 3,000 กว่าคน
ขณะที่ผลกระทบระยะยาวซึ่งดูไม่รุนแรงแต่บั่นทอนการพัฒนาประเทศ คือ เด็กจะโง่ขึ้น เด็กจะเป็นออทิสติกเพิ่มขึ้น มีอารมณ์เพี้ยนตอบสนองต่อสังคมแบบแปลกๆ ส่วนผู้ใหญ่จะเป็นอัลไซเมอร์และโรคพากินสันเพิ่มขึ้น ข้อมูลนี้อาจจะดูไม่น่าเชื่อ แต่มีหลักฐานทางการแพทย์ในระดับสูง ที่ยืนยันว่าเป็นเช่นนั้น
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ชายชาญ ยังบอกอีกว่า นักวิชาการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากมลพิษหมอกควันที่รุนแรงขึ้น ทั้ง ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และ สุขภาพ มีผลกระทบและสร้างมูลค่าความเสียหายต่อปีไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งเดิมย้อนหลังกลับไปราว 10 ปี ปัญหาหมอกควันจะเกิดขึ้น 1 – 2 เดือน แต่ปัจจุบันเกิดขึ้นยาวนานต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 3 – 5 เดือน ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐ จะต้องจริงจังในการแก้ไขปัญหา และตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และ ควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับคนที่เผาป่า ซึ่งก่อมลพิษที่ส่งปลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน