เปิดทัศนคติและนโยบายนักการเมืองรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ความสามารถและใจพร้อมจะร่วมพัฒนาประเทศ
ใกล้ถึงช่วงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับการเลือกตั้งของไทย ซึ่งจะมีการเลือกตั้งล่วงหน้าของผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งไว้ในวันที่ 17 มีนาคม และวันเลือกตั้งจริงในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ทำให้หลายพรรคต่างงัดนโยบายไม้เด็ด เรียกคะแนนเสียงกันอย่างคึกคัก วันนี้ทีมข่าว MThai จะพาไปรู้จักกับอีกส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่ หน้าตาดี โปรไฟล์เริ่ด ที่ตัดสินใจลงสมัครส.ส.ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าเขามีทัศนคติแล้วแนวคิดกันอย่างไร
“คิด ภูวพัฒน์ ชนะสกล” ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย เขต พญาไท ราชเทวี และจตุจักร
ออกตัวด้วยการผลักดันนโยบาย Knowledge Center ศูนย์ความถนัดเฉพาะด้านของแต่ละคน เพราะเชื่อว่าเด็กแต่ละคนความถนัดไม่เหมือนกัน ศูนย์ดังกล่าวจะส่งเสริมให้เด็กหรือผู้ใหญ่ที่มีความถนัดเฉพาะด้านได้มาฝึกในสิ่งที่ชอบ
เช่น ถ่ายรูป วาดรูป เตะบอล
ฝึกให้รู้ว่าถนัดอะไร ใช้งานเป็น คิดเป็น สร้างงานเป็น สอนให้ครบวงจรนำไปต่อยอดได้ ซึ่งตนมองว่าการลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาปากท้อง Knowledge Center จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ในระยะยาว ซึ่งสามารถทำแบบฟรีคอนเทนต์ทำในโลกออนไลน์ได้ด้วย โดยไม่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก
เมื่อถามถึงทัศนคติส่วนตัว เรื่องหน้าตาที่นำมาเรียกคะแนนเสียงนั้น ตนมองว่าความคิดเห็นของแต่ละคน ใครจะคิดเห็นอย่างไรนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคล ต้องเคารพและยอมรับให้ได้ คิดว่าหน้าตาไม่ได้มีส่วนที่จะทำให้คนเลือกพรรคการเมือง แต่ความคิด ทัศนคติ บุคลิกภาพความเป็นตัวเองของผู้ลงสมัคร ทำให้คนเลือกนักการเมืองมากกว่า
เรื่องพรรคการเมือง เรื่องหน้าตา เรื่องเพศ ฯลฯ ผมว่าหากเรายอมรับกันได้ เรื่องการเมืองเราเอามาพูดในบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องมาทะเลาะเหมือนแต่ก่อนแล้ว หน้าตาเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น อยากให้มองจริง ๆ ว่าผมมีความตั้งใจที่จะมาพัฒนาประเทศ มีความตั้งใจที่จะมาช่วยงานการเมือง
“หมอเอ้ก คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์” ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เขตบางซื่อ-ดุสิต (แขวงถนนนครไชยศรี)
ผลักดัน 3 นโยบายหลัก ด้านสาธารณสุข
– การสร้างฐานข้อมูลสุขภาพให้เชื่อมโยงกันทั้งประเทศ เนื่องจากในปัจจุบันการส่งตัวผู้ป่วยนั้นยังเป็นแบบในกระดาษเอสี่ เป็นลายมือเขียน แม้แต่การไปรักษายังโรงพยาบาลต่างจังหวัดการดึงข้อมูลผู้ป่วยก็ยังไม่ได้ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และย่นระยะเวลาให้กับประชาชนคนป่วยมากที่สุด
– จัดทำระบบฐานข้อมูลสุขภาพ เพราะระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประกันสังคม เวลาเราเที่ยวต่างจังหวัด เข้าโรงพยาบาลถ้าไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินก็จะส่งตัวมาที่ต้นสังกัด ไม่รักษาที่โรงพยาบาลที่นู่น หรือการเรียกประวัติคนไข้
– ระบบบริจาคอวัยวะให้เป็นแบบ Opt-out system จากปัจจุบันที่เมืองไทยเป็นแบบ Opt-in system คือใครอยากเป็นผู้บริจาคอวัยวะก็เข้าไปขึ้นทะเบียน ซึ่งระบบนี้มีคนมาบริจาคน้อย ขณะที่ฝั่ง ออสเตรีย ฝรั่งเศส เขาเปลี่ยนวิธีคิดคือทุกคนที่เป็นพลเมืองคือผู้บริจาคทั้งหมด
หากเปลี่ยนระบบมาเป็น Opt-out คนบริจาคจะเยอะมาก ยกตัวอย่าง ออสเตรีย ซึ่งเป็นระบบ Opt-out ขณะที่เยอรมนีประเทศติดกัน ใช้ระบบ Opt-in คนบริจาคแตกต่างกันชัดเจนคือ 99% กับ 20% จึงอยากให้ไทยใช้ระบบแบบ Opt-out system
ถามถึงทัศนคติส่วนตัวเรื่องหน้าตาที่นำมาเรียกคะแนนเสียง “หมอเอ้ก” มองว่า เป็นการเหยียดในเชิงบวกอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่แปลกเพราะทุกคนชอบคนสวย คนหล่อเป็นเรื่องปกติ
แต่อยากให้มองว่า เหมือนคุณไปร้านหนังสือ เจอหนังสือเล่มหนึ่งปกสวย บางคนเจอปกสวยก็ซื้อเลยก็มี บางคนเจอปกสวยแต่ไม่ได้สนใจต้องมาดูที่เนื้อหาหนังสืออยู่ดี บางคนดูปกไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำต้องดูเนื้อหาอย่างเดียวก็มี เป็นเรื่องทั่วไป
ปัจจัยในการเลือกผู้แทน ผมคิดว่ามันมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่คือเรื่องของนโยบายว่า เข้าใจประชาชนในพื้นที่ขนาดไหน สิ่งนี้ถึงจะทำให้ประชาชนเลือกเป็นผู้แทนหรือไม่
ซึ่งจริงที่รูปลักษณ์ภายนอกทำให้คนอยากจะมารู้จักเรามากขึ้น แต่เป็นหน้าที่ของผม ที่ต้องแสดงให้เห็นว่าเมื่อประชาชนเลือกผมเข้าไปอยู่ในสภาแล้วเขาได้อะไรมากกว่า
“บอน ณริช ผลานุรักษา” ผู้สมัคร สส. พรรคพลังประชารัฐ เขตบึงกุ่ม-คันนายาว
เผยถึงนโยบายแก้ปัญหา 3 อย่างที่หวังผลักดัน
– เศรษฐกิจปากท้อง จัดตั้งตลาดประชารัฐในเขตบึงกุ่มคันนายาว เพื่อเป็นแหล่งเศรษฐกิจใหม่ให้พี่น้องประชาชนมีพื้นที่ทำการค้าขาย โดยที่รัฐจะสามารถซัพพอร์ตเรื่องค่าเช่าแผงได้ รวมถึงมีถนนคนเดิน เพื่อเรียกคนเข้ามาจับจ่ายได้
– สิ่งแวดล้อม ปลูกต้นไม้ 1 หมื่นต้น ภายใน 2 ปี เพราะต้นไม้เหล่านี้จะสามารถดูดซับมลพิษ ช่วยเป็นปอดของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เพราะในเขตดังกล่าวเป็นพื้นที่แก้มลิงคอยรับน้ำอยู่แล้ว ผลักดันให้เป็นพื้นที่แลนด์มาร์กการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งใหม่ของกรุงเทพ นำสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเข้ามาในพื้นที
– ความปลอดภัย ปรับเปลี่ยนให้เป็นเมืองฉลาด Smart City เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ด้วยการใช้เทคโนโลยี่ Big Data และ Artificial Intelligence มาบริหารจัดการด้านจราจรและเพิ่มความปลอดภัย
โดยเริ่มจากการติดตั้งไฟส่องสว่างและกล้องวงจรปิดบนถนนรองและพื้นที่เสี่ยง พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาแอพพลิเคชัน “กรุงเทพฯ SOS” ที่จะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่สามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายไปยังเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่จะสามารถรับทราบข้อมูลผู้แจ้งได้ทันทีแบบเรียบไทม์
ถามถึงความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่กับหลายเสียงที่มองว่านำหน้าตามาเรียกคะแนนเสียงจากประชาชน “บอน ณริช” ลั่นว่า “รูปลักษณ์ภายนอก เป็นแค่ประตูบานเเรกที่ทำให้รู้จักกัน อยากให้มองลึกไปมากกว่ารูปลักษณ์หรือหน้าตา
เพราะแต่ละท่านที่เสนอตัวมาทำงานตรงนี้ก็มีจิตอาสาระดับหนึ่ง ทุกท่านได้รับผ่านการคัดเลือกจากพรรคการเมืองแล้วว่าเหมาะสมที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นก็อยากให้ดูที่ประสบการณ์ ผลงาน และนโยบายที่นำเสนอให้กับประชาชนได้”
“ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” โฆษกพรรคพลังท้องถิ่นไท
เปิดเผยนโยบายหลักที่สนับสนุน ด้านวัฒนธรรม และบันเทิง นำเสนอโปรเจ็คสร้างแลนด์มาร์ค เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว พร้อมนำพาบันเทิงไทยโกอินเตอร์ และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายในการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ และการส่งเสริมภาพลักษณ์ให้เมืองไทยเป็นเมืองน่าเที่ยว
ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในเมืองไทย โกยรายได้จากธุรกิจบันเทิงสู่การกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เมื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น รวมถึงเรื่องเทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
ยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหารถติดด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ วิเคราะห์ปริมาณความหนาแน่นบนท้องถนน เพื่อแก้ไขปัญหารถติด สร้างระบบ AI พร้อม Cloud System ในการเก็บข้อมูลประชาชน เพื่อใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ รองรับการเข้ารักษาในกรณีฉุกเฉิน
ถามถึงที่หลายคนมองว่านักการเมืองนำคนหน้าตาดีมาเรียกคะแนน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ในฐานะคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ลงเล่นการเมือง เปิดเผยว่า “หน้าตาเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง แม้จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจให้มองแค่หน้าตา แต่ตนก็เอาหน้าตาดึงดูดให้ประชาชนมาสนใจงานด้านการเมืองมากขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญ
การเลือกนักการเมืองนั้น กลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องคิดวิเคราะห์มองให้ออกว่า พรรคไหนที่นโยบายตรงกับที่ต้องการ แล้วอย่าลืมออกมาใช้สิทธิ ทำให้ประเทศไทยเกิดประชาธิปไตย ซึ่งพรรคพลังท้องถิ่นไทนั้นก็ขอเป็นโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาทุกเรื่องผ่านนโยบายที่นำเสนอ”