ปภ. เผย 9 จังหวัดภาคเหนือคุณภาพอากาศ มีผลกระทบต่อสุขภาพ เร่งประสานทุกหน่วยแก้ไขปัญหาช่วยเหลือประชาชน
วันนี้(16 มี.ค.) นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. เวลา 05.00 น. พบว่า มี 9 จังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) และ ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 ประกอบด้วย เชียงราย (ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ต.เวียง อ.เมือง) เชียงใหม่ (ต.ช้างเผือก ต.ศรีภูมิ ต.สุเทพ อ.เมือง ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม) ลำปาง (ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง ต.สบป้าด ต.บ้านดง ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ) ลำพูน (ต.บ้านกลาง อ.เมือง) แม่ฮ่องสอน (ต.จองคำ อ.เมือง) น่าน (ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ) แพร่ (ต.นาจักร อ.เมือง) พะเยา (ต.บ้านต๋อม อ.เมือง) ตาก (ต.แม่ปะ อ.แม่สอด) โดยมีค่า PM2.5 ระหว่าง 60 – 215ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 ระหว่าง 106 – 272 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าระหว่าง 124 – 325 ซึ่งคุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ระดับสีแดง)
ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือเตรียมพร้อมป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบจุดไฟเผาพื้นที่เกษตรกรรม และจัดระเบียบการเผา ประกาศเขตห้ามเผา ส่งเสริมการจัดทำแนวกันไฟ และรณรงค์การไถกลบแทนการเผา
พร้อมแนะนำประชาชนหลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน เพราะจะสูดดมฝุ่นละอองจำนวนมากเข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เจ็บป่วยได้ ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน ส่วนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางอยู่ในระดับต่ำ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป