รถเบนซ์ชนรถฟอร์ด เบนซ์ชนฟอร์ด เสี่ยเจนภพ

ศาลฎีกายืนคุก 4 ปี ‘เสี่ยเจนภพ’ ขับเบนซ์ชนฟอร์ด เมื่อปี 59

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพระนคศรีอยุธยา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โจทก์ นายไพบูลย์ ถาวร นายทิวากร ฮ้อแสงชัย กับพวกรวม 4…

Home / NEWS / ศาลฎีกายืนคุก 4 ปี ‘เสี่ยเจนภพ’ ขับเบนซ์ชนฟอร์ด เมื่อปี 59

ประเด็นน่าสนใจ

  • วานนี้ 2 มิ.ย.63 ศาลฎีกา พิพากษายืนคุก 4 ปี ‘เจนภพ วีรพร’ ขับรถเบนซ์ชนฟอร์ด
  • เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 59 ส่งผลทำให้ 2 นักศึกษาปริญญาโท ถูกไฟคลอกเสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพระนคศรีอยุธยา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โจทก์ นายไพบูลย์ ถาวร นายทิวากร ฮ้อแสงชัย กับพวกรวม 4 คน เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายเจนภพ วีรพร เป็นจำเลยในความผิดฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

จากกรณีที่ นายเจนภพ ขับรถเบนซ์ รุ่นซีแอลเค สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กทม. พุ่งชนท้ายรถเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า เลขทะเบียน ฆย 6911 จนเกิดไฟไหม้รถ ส่งผลให้ นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี และน.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย นักศึกษาปริญญาโท โดนไฟคลอกเสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2559

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา โจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 และ 4 ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพิ่มโทษจำคุกจำเลย

ต่อมา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย โดยแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิ่มโทษตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 และ 4 อุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานเสพแอมเฟตามีนขับรถเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ด้วยการลงโทษจำคุก 6 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้บางส่วน เหลือลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี และไม่รอลงอาญา

โดยจำเลย ได้ยื่นศาลฎีกา ขอให้ศาลลงโทษสถานเบา และรอการกำหนดโทษจำเลย โดยอ้างว่า จำเลยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 คน เห็นว่า เป็นเรื่องที่จำเลยต้องรับผิดชอบให้แก่โจทก์ร่วมทั้ง 4 ตามกฎหมายในทางแพ่งอยู่แล้ว
และจำเลยอ้างว่า จบการศึกษาจากต่างประเทศ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท มีคุณงามความดีช่วยเหลือผู้อื่น

หลังเกิดเหตุได้บวชอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายทั้ง 2 เป็นเวาลา 2 เดือน 3สัปดาห์ ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยสถานเบา หรือรอการลงโทษให้จำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี นั้น นับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์ของรูปคดีแล้ว และเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว

ส่วนที่โจทก์ร่วม ขอให้ศาลฎีกา ลงโทษจำเลยสถานหนักและไม่รอการลงโทษ เห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงโทษจำเลย ได้ใช้กฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุดแก่จำเลยและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลง แก้ไขทั้งบทและโทษที่ลงแก่จำเลย ฎีกาของโจทก์ร่วม ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน คงจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา