ข่าวนายกรัฐมนตรี ข่าวสดวันนี้ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

บิ๊กตู่ เล็งประกาศภาวะฉุกเฉิน หากฝุ่นPM2.5ไม่ดีขึ้น ขอบคุณ พปชร.ทาบนั่งนายกฯ

นายกฯ สั่งแก้ปัญหาฝุ่น pm 2.5 ชี้หากพบเห็นรถควันดำเเจ้งลงโซเชียลทันที ลั่นสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมขอบคุณ พปชร.ทาบนั่งนายกฯ แต่ยังไม่ตอบรับ วันนี้ (31 ม.ค. 2562) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา…

Home / NEWS / บิ๊กตู่ เล็งประกาศภาวะฉุกเฉิน หากฝุ่นPM2.5ไม่ดีขึ้น ขอบคุณ พปชร.ทาบนั่งนายกฯ

นายกฯ สั่งแก้ปัญหาฝุ่น pm 2.5 ชี้หากพบเห็นรถควันดำเเจ้งลงโซเชียลทันที ลั่นสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมขอบคุณ พปชร.ทาบนั่งนายกฯ แต่ยังไม่ตอบรับ

วันนี้ (31 ม.ค. 2562) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว อย่างเมื่อวานนี้ สั่งปิดโรงเรียน เพราะเด็กมีภูมิต้านทานต่ำกว่าผู้ใหญ่ จึงต้องได้รับการดูแล

แต่ผลกระทบที่ตามมา คือ ชั่วโมงเรียนที่หายไป ดังนั้นต้องหาชั่วโมงเรียนเพิ่มขึ้นภายหลัง ไม่เช่นนั้นจะมีผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ที่ผ่านมาไม่ว่ารัฐบาลนี้จะสั่งการอะไรก็ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน รอบด้าน เนื่องจากต้องไปดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากอะไร

หากไม่ทราบปัญหาก็จะพูดไปเรื่อยเปื่อย จนกลายไปสู่เป็นปัญหาการเมือง การที่พูดไปมาจะเป็นประเด็นการเมืองไปหมด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย เพราะไม่ใช่ประเด็นนั้น และปัญหาฝุ่นก็มีมาทุกปี แต่ปีนี้รัฐบาลนี้ ให้ทุกคนรับทราบว่าสถานการณ์ฝุ่นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว แต่ก่อนไม่มีการแจ้ง รัฐบาลมีตัวเลขออกมาให้เห็นเพื่อให้ทุกคนได้เตรียมการ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยัง เชิญชวนประชาชนที่พบเห็น รถเมล์ รถส่วนตัวและรถบรรทุก ที่มีควันดำสามารถแจ้งมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือโพสต์ภาพผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะส่วนตัวจะเข้าไปติดตามเรื่องนี้เอง หากพบว่าก่อควันดำก็จะลงโทษขั้นเด็ดขาดทันที

ส่วนปัญหาด้านการจราจร สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากยานพาหนะ ซึ่งการแก้ปัญหาที่ตรงจุดคือการลดใช้ยานพาหนะให้น้อยลง แต่ก็กลับถูกประชาชนตั้งคำถาม ว่ารถสาธารณะยังไม่เพียงพอ เรื่องนี้จะให้ตนเองทำอย่างไร เพราะรถไฟฟ้ายังก่อสร้างอยู่ หากให้หยุดก่อสร้าง ขณะเดียวกันหากยังใช้ยานพาหนะอยู่แบบนี้ ปัญหาดังกล่าวก็จะไม่จบ ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจช่วยกัน หากประชาชนที่มีข้อเสนอ ก็เสนอมายังรัฐบาลได้ แต่ต้องคิดให้ถี่ถ้วนด้วยเพราะจะต้องไม่ทำให้ใครเดือนร้อน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กรมควบคุมมลพิษ ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจ ว่าโรงงานพื้นที่ใดมีค่าฝุ่นควันสูง โดยสรุปแล้ว ต้นทางมาจากหลายพื้นที่ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่ ที่ได้ไปตรวจในพื้นที่ก็พบว่าค่าฝุ่นไม่สูง บางอย่างก็เป็นควันขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่ PM 2.5 เพราะที่ก่อ PM 2.5 มีเพียงไม่กี่โรงงานเท่านั้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า หากพิจารณาแล้ว สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็ต้องประกาศสถานการณ์ใหม่ วันนี้รัฐบาลมีแผนที่รองรับไว้ตามลำดับอยู่แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกันโดยให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้รวบรวมมาตรการ แล้วจัดตามลำดับขั้นตอน

แต่หากยังไม่ดีขึ้น อยู่ในขั้นสูงสุด รัฐบาลก็จะประกาศให้เป็นสถานการณ์ภัยพิบัติในทันที แต่จะกระทบเรื่องการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในภาพรวม

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึง กรณีที่พรรคพลังประชารัฐทาบทามให้เป็นบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ ว่า เขาจะเสนอชื่อก็เป็นเรื่องของเขา หากวันพรุ่งนี้มีการมาเทียบเชิญ ตนเองก็รับทราบ และขอบคุณ แต่ยังไม่ตอบรับคำเชิญ เพราะมีเวลาให้ตัดสินใจถึง 8 กุมภาพันธ์นี้ ดังนั้นไม่ต้องมาถามตนเองทุกวัน

ทั้งนี้ เมื่อถามว่าได้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของตนเอง ตั้งแต่วันที่เข้ามายึดอำนาจ 22 พ.ค.2557 แล้วหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิดอยู่แล้วแม้แต่วันเดียว และเมื่อถามต่อว่าเป็นเพราะสถานการณ์ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาใช่หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านมาก็เห็นปัญหาต่างๆ มันจำเป็นต้องทำต่อหรือไม่ ประชาชนอยากให้เราทำหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนเอง

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากไม่มองที่นโยบายของพรรค จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องสานต่อสิ่งที่ คสช.ได้ทำมา พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวทุกอย่างขึ้นอยู่กับนโยบาย เพราะตนเองเดินต่อไม่ได้ มันต้องเดินต่อด้วยนโยบายของรัฐบาลใหม่ ตนเองจึงต้องเอานโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อยากจะเป็นรัฐบาลมาดูว่าของใครเป็นอย่างไร และตนเองก็จะเลือกตัดสินใจเอง แค่นั้นก็จบแล้ว

ผู้สื่อข่าวยังถามย้ำถึงภารกิจที่นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ตรวจราชการเขตจตุจักรในวันที่ 2 ก.พ.นี้ ว่าจะยังคงกำหนดการเดิมหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไปได้ก็ไป