ชาวไนจีเรียติดสนามบิน สุวรรณภูมิ โควิด-19

สุวรรณภูมิ แจงกรณีชาวไนจีเรีย 3 คน ติดค้างในสนามบิน 3 เดือน

จากกรณีพบผู้โดยสารสัญชาติไนจีเรีย จำนวน 3 คน ติดค้างอยู่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) นานกว่า 3 เดือน เนื่องจากเที่ยวบินปลายทางถูกยกเลิกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (COVID-19) นั้น ทสภ. ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบว่า ขณะนี้มีผู้โดยสารสัญชาติไนจีเรีย…

Home / NEWS / สุวรรณภูมิ แจงกรณีชาวไนจีเรีย 3 คน ติดค้างในสนามบิน 3 เดือน

ประเด็นน่าสนใจ

  • ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพผู้โดยสารชาวไนจีเรีย จำนวน 3 คน ติดค้างอยู่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นานกว่า 3 เดือน
  • สาเหตุเนื่องจากเที่ยวบินปลายทางถูกยกเลิกจากสถานการณ์ โควิด-19
  • ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมระบุได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารทั้ง 3 คน เบื้องต้นแล้ว

จากกรณีพบผู้โดยสารสัญชาติไนจีเรีย จำนวน 3 คน ติดค้างอยู่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) นานกว่า 3 เดือน เนื่องจากเที่ยวบินปลายทางถูกยกเลิกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (COVID-19) นั้น

ทสภ. ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบว่า ขณะนี้มีผู้โดยสารสัญชาติไนจีเรีย จำนวน 3 คน ติดค้างอยู่ภายในทสภ. จริง โดยผู้โดยสารชาวไนจีเรียทั้ง 3 เดินทางมาที่ ทสภ. เพื่อต่อเครื่องโดย 2 คนได้เดินทางมาถึง ทสภ. เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK372 และมีกำหนดจะต้องต่อเครื่องของสายการบิน Lao Airlines เพื่อเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

และอีก 1 คน เดินทางมาถึง ทสภ. เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 โดยสายการบิน Etihad Airways เที่ยวบินที่ EY402 และมีกำหนดต่อเครื่องสายการบิน Bangkok Airways เพื่อเดินทางไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

ประเทศปลายทางได้ประกาศปิดประเทศ

ซึ่งในวันที่ผู้โดยสารทั้ง 3 คน จะเดินทางต่อเครื่องนั้น ประเทศปลายทางได้ประกาศปิดประเทศส่งผลให้เที่ยวบินที่ผู้โดยสารจะเดินทางจึงถูกยกเลิก ทำให้ผู้โดยสารชาวไนจีเรียไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศปลายทางได้ และเมื่อจะเดินทางกลับประเทศไนจีเรียก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเที่ยวบินของสายการบิน Emirates และสายการบิน Etihad Airways ถูกยกเลิกเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวเช่นกัน

ผู้โดยสารทั้ง 3 คนไม่ได้ขอวีซ่าเข้าประเทศไทย

เนื่องจากผู้โดยสารทั้ง 3 คนไม่ได้ขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ทางกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง (บก.ตม.2) จึงไม่สามารถอนุญาตให้ผู้โดยสารทั้ง 3 คนเข้าราชอาณาจักรไทยเพื่อพำนักรอได้ ทำให้ผู้โดยสารทั้ง 3 ต้องพักรอในพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาออก ของ ทสภ. เท่านั้น

อย่างไรก็ตามเพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้โดยสารที่ตกค้างดังกล่าว ฝ่ายพิธีการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้มีการประสานไปยังสถานทูตไนจีเรียเพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ และได้แจ้งให้สายการบินที่นำผู้โดยสารเข้ามารับผิดชอบดูแลอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ในช่วงระยะเวลาที่ผู้โดยสารรอให้มีเที่ยวบินเดินทางกลับประเทศ

ซึ่งจากการสอบถามผู้โดยสารทั้ง 3 คน ยังยืนยันความต้องการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางเดิมและไม่ขอเดินทางไปประเทศอื่น ซึ่งขณะนี้ประเทศปลายทางทั้ง 2 ประเทศยังคงประกาศปิดประเทศอยู่ สายการบิน Emirates จึงได้ประสานให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารทั้ง 3 คนเพื่อเดินทางกลับประเทศไนจีเรีย

โดยกำหนดเส้นทางต่อเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่เนื่องจากขณะนี้ทางประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังไม่รับผู้โดยสารต่อเครื่องทำให้ไม่สามารถที่นำพาบุคคลทั้งสามเดินทางได้ทำให้อยู่ระหว่างรอจนกว่าทางประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดประเทศในวันที่ 4 มิถุนายน 2563

เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น

ตลอดระยะเวลาที่ผู้โดยสารทั้งสามพักรออยู่ภายในอาคารผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ.ได้ให้ความช่วยเหลือ เช่น การมอบอาหาร น้ำดื่ม และดูแลความเป็นอยู่ในเบื้องต้น ซึ่งนอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สายการบินได้ให้ความช่วยเหลืออยู่เป็นระยะเช่นกัน

ทั้งนี้ ผู้โดยสารทั้งสามยังได้รับการดูแลด้านสุขภาพจากด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศในการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) เป็นที่เรียบร้อยซึ่งผลตรวจของทั้ง 3 คนยืนยันว่าไม่พบเชื้อ Covid-19

ทสภ. ขอเรียนให้ทราบว่าไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีที่เกิดขึ้นแต่อย่างใดโดยตระหนักถึงการให้บริการด้วยใจ ตลอดจนการดูแลสุขภาพและอนามัยของผู้โดยสาร โดยในการนี้ได้บูรณาการทำงานโดยประสานกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตลอดจนเจ้าหน้าที่สายการบินที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันดำเนินการส่งผู้โดยสารไปยังประเทศที่ปลายทางหรือกลับประเทศไนจีเรียให้เร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายลง

ที่มา : ประชาสัมพันธ์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ