สำหรับสถานการณ์ฝุ่นละอองที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤติในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลนั้น มีเสียงสะท้อนจากประชาชนทั้งในเรื่องการส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของประชาชนอยู่ไม่น้อยในขณะนี้
ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sirilada Mongkolrattanaroj ระบายความในใจในฐานะคนพระราม2 ระหว่างกาญจนาภิเษก – สมุทรสาคร ระบุว่า ขอพูดเรื่องมลพิษจากใจดังนี้
1.อ่านข่าวเรื่องนี้ ก็ไม่แปลกใจ ถ้าพระราม2 จะติดอันดับ1 เรื่องมลพิษ เพราะมีการก่อสร้างทำถนน เป็นถนนสายหลักในการเดินทางไปสายต่างๆ รถก็โคตรเยอะ บางช่วงของเส้นถนนบีบเหลือ 1 เลนด้วย แว่วๆว่าจะเสร็จในสามปี ถึงตอนนั้นคงตาย กันไปก่อน ในประวัติศาสตร์ที่อยู่เส้นนี้มาตั้งแต่เกิด ก็จำได้ว่า ทำถนนย้ายจุดไปเรื่อยๆ ทำไม่เสร็จสักที นานสุดที่จำได้นะ คือ 10 ปี ยังไม่เสร็จ (หรือเสร็จจุดนี้ ทำจุดนั้นต่อ)
2. การจราจรติดขัดมาก มากกก มากกกกกก หมู่บ้านอยู่ติดถนนใหญ่ บางทีจะออกจากหมู่บ้านไปขึ้นสะพานกลับรถที่อยู่ห่างไป20เมตร ใช้เวลาหลายสิบนาที เพราะรถมันติดมาก ไม่มีช่องให้แทรก!!!! หลายครั้งพวกเราต้องเปิดกระจกรถยกมือไหว้ขอทางให้คนที่จอดนิ่งๆช่วยขยับให้พวกเราไปหน่อย ติดขนาดนี้ ควันจากรถต่างๆไม่รู้กี่แสนคันก็วนเวียนมาให้เราได้สูดดมกันทั้งวัน
3. รถบรรทุกหนาแน่นทั้งวัน แถมการก่อสร้างก็ยังมีประปรายตลอดทั้งเส้น
4. พีคมาก ที่ผ่านมาไอมาเป็นเดือนๆ เกือบทุกวัน ไม่เคยรู้จัก PM 2.5 มาก่อน รู้แต่เห็นหมอกทุกวัน รวมกับอากาศที่เย็นในเดือนธันวา พาลคิดว่าเป็นหมอก (ปกติจะต้องพาหมาเดินๆวิ่งๆวนรอบหมู่บ้าน ระยะทาง 6 กิโลเมตร) ราวๆ20.00น. จะต้องมีกลุ่มควันมาจากหลังหมู่บ้าน เพราะชาวบ้านเผาหญ้าทุกวัน เมื่อคืนก็ยังเผาอยู่ ไม่มีใครสั่งสอนเลย
4.1 เช้าๆ7 – 8 โมง กำแพงบ้านตรงข้ามที่จริงๆเป็นสีส้ม เราจะเห็นแต่สีเทามัวๆ เพราะฝุ่นมันกลบสีส้มไปหมด
5. นี่พอมามีเครื่องจับ PM 2.5 (ที่ค่าในไทยกำหนดไม่ให้เกิน50µg แต่ต่างประเทศ ไม่ให้เกิน25µg) เราพบว่า..
5.1 เวลาเย็นๆค่ำๆ PM 2.5 โซนนี้ จะประมาณ 95µg แต่ถ้า”เข้าบ้าน” ค่าจะลดลงเล็กน้อย เหลือ 82-83µg
ซึ่งก็ยังนับว่าสูงมากอยู่ดี บ้านเรานี่ปิดมิดชิดทั้งหลังนะ ไม่มีเปิดหน้าต่างหรือประตู
5.2 ความพีคคือตรงนี้.. ก่อนนอนเมื่อคืน เวลาเที่ยงคืน ในห้องนอนวัดค่าได้ pm2.5 = 86 µg หลังจากนั้น เปิดแอร์ (ที่คนเค้าว่ากันว่า เปิดแอร์ช่วยกรองอากาศ) แต่ตื่นมาาาาา ในห้องนอน pm2.5=160 µg ขึ้นมาเกือบเท่าตัว
***นี่เหมือนโดนตบหน้าอ่ะ ห้องนอนเราแท้ๆ มีฝุ่น pm2.5 เยอะกว่าหน้าเซ็นทรัลพระราม2 ตอนบ่ายโมง!!!!***
5.3 เราไม่ได้สกปรกนะเว้ยยยย มันมากับอากาศจริงๆ อยู่ในบ้านก็หนีไม่พ้น เข้าใจไหม
5.4 วันไหนเปิดเครื่องกรองอากาศ PM 2.5 จะลดเหลือ30กว่าๆ
5.5 แล้วนี่ขับรถไปทำงานจากพระราม2->พระราม3 ห่างกันพระรามเดียว แต่ตอนออกจากบ้านในรถมี pm2.5 = 35µg ถึงเส้นพระราม3 pm2.5 =116µg!!!!!! นี่ในรถนะ ไม่ได้เปิดหน้าต่าง!!
ดังนั้นอยากจะฝากถึงทุกคน ตื่นนนน!!!! นี่ไปไหนมาไหน เห็นคนที่อยู่ริมถนนใส่หน้ากากไม่ถึง5% แถมใส่ ก็ใส่ผิดอีก
เลิกคิดว่าใส่แล้วอึดอัด…. เอออออ เราเข้าใจ…. นี่ก็อึดอัด แต่มันควรใส่แล้วไหม??
เลิกทำกิจกรรม outdoor ต่างๆก่อนเว้ยย ในหมู่บ้านยังมีคนวิ่งออกกำลังกาย อุ้มลูกมาปั่นจักรยานตอนเช้า ในขณะที่เราวัดค่า pm2.5 ได้ถึง 167 µgในขณะนั้น! จะต้องรอให้ลูกป่วย หรือตัวเองป่วยก่อนใช่ไหม ถึงจะรู้สึกว่าใกล้ตัว?? นี่มันใกล้มาก พวกคุณสูดมันเข้าไป24ชั่วโมง!
#หมาบ้านเราเรายังไม่ให้ออกจากบ้าน #แต่พวกคุณพาลูกออกมาสูดอากาศ
สรุป
-PM2.5 อยู่ในบ้าน ก็อย่าคิดว่ารอด
-แต่ถ้าออกนอกบ้าน ก็ควรใส่หน้ากากทุกกรณี
-ใส่ให้ถูกด้วย
-แอร์หน้าที่ปรับอากาศ ไม่ได้ทำหน้าที่กรองอากาศ**
ถ้าจะให้ดี
-บันทึกข้อความข้อ5ไปให้…ลุงป้าน้าอาตายายพ่อแม่ใครก็ตาม ที่ดื้อๆนึกว่ามันไกลตัวเอาให้เค้าอ่าน ไม่งั้นก็เตรียมเงินซื้อเครื่องฟอกปอดเลย
ทั้งนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ ได้ฝากข้อความไปถึงรัฐบาลระบุว่า
เข้าใจนะ ถ้าจะมีนโยบายเหมือนประเทศอื่นเค้า เรื่องการให้ขับรถวันคู่วันคี่ หรือ หยุดงาน หยุดก่อสร้างเพื่อลดฝุ่น คงจะกลัวว่ากระทบเศรษฐกิจของประเทศ แต่นี่ เฮ้ย…นี่มันชีวิตประชาชนแล้วอ่ะ ใจคอพี่ๆจะแค่ฉีดน้ำ ทำฝนหรอฮะ ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนแล้วยังไง เคยเห็นเรื่องไหนที่ขอความร่วมมือ แล้วได้รับความร่วมมือจริงจังบ้าง!!!
** ออกกฎมาเลยได้ไหม นี่จะสูดอากาศแถวบ้านไม่ไหวละ****