กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี เปิดงาน “กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ”

นายกรัฐมนตรี เปิดงาน “กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ” ย้ำรัฐบาลสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง วันที่ 18 มีนาคม 2562 ที่ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี…

Home / NEWS / นายกรัฐมนตรี เปิดงาน “กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ”

นายกรัฐมนตรี เปิดงาน “กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ” ย้ำรัฐบาลสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

วันที่ 18 มีนาคม 2562 ที่ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษและกล่าวเปิดงาน โครงการกองทุนแห่งชาติ เพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ โดยมี คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการและที่ปรึกษากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ผู้บริหารสื่อเครือเนชั่น ผู้แทนกองทุนหมู่บ้าน และภาคีเครือข่าย หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน จำนวนกว่า 8,000 คน เข้าร่วมงาน

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีที่ได้มาพบกับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทุกคนอีกครั้ง พร้อมย้ำไม่ต้องการให้หลายเรื่องที่ได้ดำเนินการไว้แล้วล้มเหลว แต่ต้องสามารถที่จะเดินต่อไปข้างหน้าได้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นวันนี้ของกองทุนหมู่บ้านเป็นผลผลิตที่เกิดจากการเพาะเมล็ดมายาวนาน และจะนำไปสู่การขยายผลต่อไปให้เกิดประโยชน์สูงสุด

โดยรัฐบาลปัจจุบันเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งการแก้ปัญหาจำเป็นต้องรู้ถึงที่มาของปัญหาเพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและตรงจุด

นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ประชาชนทุกคนนำปัญหาและสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมาเป็นบทเรียนพัฒนาปรับปรุงแก้ไขเพื่อไม่ให้กลับไปสู่ปัญหาเช่นเดิมอีกควบคู่กับการทำสิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติ ทั้งการลงทุน การสร้างเศรษฐกิจใหม่ การเพิ่มขีดความสามารถและความเข้มแข็งให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมไปถึงการดำเนินงานกองทุนก็เช่นเดียวกันต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น โดยทำให้ประชาชนทุกคนมีขีดความสามารถในการที่จะมีรายได้สูงขึ้น การพัฒนาคุณภาพ ความปลอดภัย

โดยเฉพาะการทำหรือผลิตอะไรต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพของผู้บริโภคเป็นสำคัญ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการผลิตให้มีคุณภาพ ไปสู่การรับรองมาตรฐาน GAP สามารถตรวจสอบที่มาได้ อันจะส่งผลให้ผลผลิตและสินค้ามีราคาที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลมีความพยายามที่จะทำให้ประชาชนทุกกลุ่มมีความเท่าเทียมในโอกาสที่จะเข้าถึงบริการสาธารณะพื้นฐานต่าง ๆ ทั้งเรื่องของเส้นทางคมนาคม การขนส่ง ตลอดจนเรื่องของดิจิทัลและออนไลน์ต่าง ๆ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องรู้จักที่จะศึกษาเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการสร้างอาชีพและรายได้ที่เพิ่ม ตลอดจนต้องปรับตัวให้สอดคล้องและทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ การดำเนินการและการขับเคลื่อนไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อจะนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และการออกจากกับดักความยากจนและรายได้ปานกลาง

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณกองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ ไปสู่ความพอเพียง พร้อมแนะนำให้ประชาชนดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง พอประมาณ มีเหตุมีผล และขอให้ประชาชนใช้จ่ายด้วยความรอบคอบเหมาะสมกับรายได้ของตนเองและครอบครัว

และมีการเรียนรู้พัฒนาตนเองอยู่เสมอให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และนำเทคโนโลยีมาพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น สร้างเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าและผลิตภัณฑ์โดยการนำเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในท้องถิ่นมาเชื่อมโยงสร้าง story ให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าสนใจมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันควรเพาะปลูกพืชที่มีความปลอดภัยมีคุณภาพ และผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด มีการขยายไปสู่การจำหน่ายผ่านออนไลน์ รวมทั้ง พัฒนาการดำเนินการอย่างครบวงจรตั้งแต่ กระบวนการปลูก การผลิต แปรรู การตลาดและจำหน่าย ไปจนการขนส่งอย่างเป็นระบบ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำว่า รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ในการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยมีความเชื่อมั่นว่ากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

โดยลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสในการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงได้สนับสนุนงบประมาณให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ทั้ง 7 หมื่นกว่ากองทุน ดำเนินโครงการตามแนวทางประชารัฐ ใน 3 ปีต่อเนื่อง ประกอบด้วย

1) โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ในปี 2559 วงเงิน 35,000 ล้านบาท

2)โครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ในปี 2560 วงเงิน 15,000 ล้านบาท และ

3)โครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชา ตามแนวทางประชารัฐ ในปี 2561 วงเงิน 20,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับมอบกรอบแนวคิดการจัดทำแผนแม่บทยุทธศาสตร์ 20 ปี กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จากตัวแทนเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อพัฒนาสู่แผนแม่บทฉบับสมบูรณ์ต่อไป