ประเด็นน่าสนใจ
- บอกเป็นผลมาจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ตกลง หลัง WHO ประกาศให้ COVID-19 ระบาดทั่วโลก
- ย้ำยังไม่ีมาตรการขึ้น VAT เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ด้านรองนายกฯ สมคิดสั่งจัดตั้งกองทุนเพื่อพยุงหุ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (12 มี.ค.2563) นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุ หุ้นไทยร่วงหนัก จนถึงขั้นหยุดการซื้อขายชั่วคราว ในรอบ 11 ปี หลังจากเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว เมื่อปี 42 และปี 49 ว่า
ได้รับรายงานจากผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หุ้นไทยตกมากวันนี้ เกิดขึ้นทั่วโลก จากสาเหตุการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าเป็นโรคระบาดแพร่หลายกว้างขวาง เป็นเหตุให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกหนัก
ทั้งนี้ ผู้จัดการ ตลท. มีการชี้แจงด่วนในวันนี้ ในส่วนของคลังก็ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เชื่อว่าตลาดหุ้นและพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยมีพื้นฐานเข้มแข็ง ในส่วนของมาตรการดูแลตลาดหุ้นไทยจะมีการพิจารณาต่อเนื่อง หากมีความจำเป็น คลังจะเสนอนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาตรการเพิ่มดูแลตลาดหุ้นทันที
นายอุตตม กล่าวว่า คลังไม่มีแนวคิดที่จะลดภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น ต้องติดตามสถานการณ์ก่อน มาตรการที่ออกมาต้องเหมาะสมกับเหตุการณ์ ที่ผ่านมาหุ้นตก 2-3 วัน ก็กลับมาปรับตัวขึ้นได้
“เข้าใจว่านักลงทุนกังวลโรค COVID-19 ซึ่งบางครั้งอาจจะกังวลเกินเหตุ แม้ว่าตลาดหุ้นยังมีพื้นฐานแข็งแกร่ง ที่ผ่านมาการเกิดเหตุการณ์หลายครั้ง ดัชนีหุ้นก็ยังปรับขึ้นมาได้”
นายอุตตม กล่าวเพิ่มว่า คลังไม่มีแนวคิดลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) กระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนประเทศญี่ปุ่น ที่พิจารณาลดภาษีแวตเหลือ 0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19 อย่างรุนแรง
‘สมคิด’ สั่งคลังเร่งจัดตั้ง ‘กองทุนพยุงหุ้น’
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยถึงมาตรการการรับมือ หลังจากตลาดหุ้นไทยร่วงหนักในวันนี้ ว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังเร่งศึกษาการจัดตั้งกองทุนสร้างเสถียรภาพตลาดทุน หรือ กองทุนพยุงหุ้น
โดยมอบหมายให้นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางที่เหมาะสม ขนาดของกองทุนจะเป็นเท่าใดให้ไปดูให้เหมาะสม แต่ในระยะยาวจะต้องมีกำไร และทำให้ตลาดทุนมั่นใจว่า รัฐบาล กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมจะดูแล
นายสมคิด กล่าวว่า แม้ขณะพื้นฐานตลาดหุ้นไทยจะดี แต่สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ปกติ รุนแรงมาก จากการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะกรณีสหรัฐอเมริกามีคำสั่งห้ามบางประเทศ เช่น กลุ่มอียู เดินทางเข้าสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบมากและส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก
ทั้งนี้การซื้อขายหุ้นวันที่ 12 มี.ค.63 มีการเทขายอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตลาด หุ้นร่วมทันทีกว่า 70 จุดและปรับลดลงตลอดทั้งวัน จนเวลา 14.38 น. ดัชนีปรับลดลงไปอยู่ที่ 1,124.84 จุด ลดลง 125.05 จุด หรือ คิดเป็น 10% ทำให้ต้องมีการหยุดซื้อขายชั่วคราว (เซอร์กิตเบรคเกอร์) 30 นาที ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ของตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ ได้หารือกับกระทรวงการคลังในอีก 2 ประเด็น คือ
1.การเตรียมมาตรการชุดที่ 2 ดูแลผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะเน้นไปที่กลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งผู้ประกอบอาชีพอิสระ และมีรายได้ประจำ ซึ่งได้ให้การบ้านทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไปเตรียมมาตรการครบทุกกลุ่ม เพิ่มเติมจากชุดที่ 1 ที่ได้ดูแลผู้ประกอบการภาคธุรกิจให้ชะลอการเลิกจ้างงานไปแล้ว
2.ให้กระทรวงการคลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ซึ่งมองว่าในช่วงดังกล่าวจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ให้กระทรวงการคลังเตรียมวงเงิน และมาตรการไว้ เมื่อถึงเวลาต้องใช้ ก็เตรียมไว้พร้อมใช้ทันที ซึ่งยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะหนักหนาพอสมควร