ข่าวนายกรัฐมนตรี ข่าวสดวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไวรัสโควิด-19 ไวรัสโคโรนา

บิ๊กตู่ ย้ำยังไม่ปิดประเทศ แต่ให้ปิดสถานที่เสี่ยงการแพร่ระบาดโควิด-19

วันนี้ (17 มี.ค. 63) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงมาตรการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 โดยยืนยันสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เข้าสู่การระบาดระยะที่ 3…

Home / NEWS / บิ๊กตู่ ย้ำยังไม่ปิดประเทศ แต่ให้ปิดสถานที่เสี่ยงการแพร่ระบาดโควิด-19

ประเด็นน่าสนใจ

  • มาตรการปิดสถานที่เสี่ยงดังกล่าวเริ่ม 18-31 มี.ค.นี้
  • อาทิ สถานบันเทิง สถานบริการ นวดแผนโบราณ โรงหนัง
  • ส่วนห้างสรรพสินค้า ตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร ให้ดำเนินการตามมาตราการ ป้องกันที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

วันนี้ (17 มี.ค. 63) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงมาตรการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19

โดยยืนยันสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 แต่มีแนวโน้มกระจายมากขึ้น เพื่อเป็นการลดการระบาดจากกรุงเทพมหานครไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทุกภาคส่วนต้องทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อหาแนวทางรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้เสนอให้ ครม. ออกมาตรการ 6 ด้าน โดยยืนยันไม่มีการปิดเมืองหรือปิดประเทศ ได้แก่

  1. ด้านสาธารณสุข
    ชาวต่างชาติที่เดินทางจากพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตราย 4 ประเทศ (จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน อิตาลี) และ 2 เขตปกครองพิเศษ (ฮ่องกง มาเก๊า) ต้องมีใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 3 วัน

    มีประกันสุขภาพ ยินยอมให้ ให้ใช้แอพพลิเคชั่นของรัฐติดตาม โดยมาตรการนี้จะใช้กับการเดินทางเข้าประเทศทุกทาง โดยจะมีการกักกันตัวเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน ซึ่งจะรวมถึงการเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดต่อเนื่องที่ยังไม่ประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย

    และห้ามข้าราชการ พนักงานรัฐ วิสาหกิจ เดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น พร้อมแนะนำให้คนไทยที่พำนักในต่างประเทศชะลอการเดินทางกลับไทย จนกว่าสถานการณ์ระบาดในไทยจะดีขึ้น
  2. ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน
    จะเร่งผลิตหน้ากากอนามัย และส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปใช้หน้ากากผ้า และจะนำหน้ากากอนามัยของกลางที่ยึดได้มากระจายให้ประชาชน จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอสำหรับรับมือระยะที่ 3
  3. ด้านข้อมูลการชี้แจงและการร้องเรียน
    ต้องมาจาก 2 แหล่ง คือกระทรวงสาธารณสุข และศูนย์โควิด-19
  4. ด้านต่างประเทศ
    ตั้งทีมไทยแลนด์เพื่อดูแลคนไทยในต่างประเทศ
  5. ด้านมาตรการป้องกัน

    สั่งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้น เช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ สถาบันกวดวิชาทุกสถาบัน ให้ปิดชั่วคราวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 18-31 มี.ค. 2563

    ส่วนสนามมวย สนามกีฬา สนามม้า ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ปิดชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ขณะที่สถานบันเทิง สถานบริการ นวดแผนโบราณ โรงหนัง ในพื้นที่ กทม.ปิด 14 วัน

    ส่วนการจัดคอนเสิร์ต งานแสดงสินค้า กิจกรรมทางศาสนา จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรงติดต่อจังหวัด พิจารณาให้ความเห็นชอบ สำหรับสถานที่ให้บริการประชาชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร ให้ดำเนินการตามมาตราการ ป้องกันที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

    ขณะเดียวกันได้สั่งเลื่อนวันสงกรานต์ 13-15 มี.ค.63 ออกไปก่อน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดภายในประเทศ และจะชดเชยในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพิ่มความถี่ของการเดินรถขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความแออัด ป้องกันการแพร่ระบาด

    งดกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายคนข้ามจังหวัด เช่น ค่ายทหาร เรือนจำ หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้าย ต้องมีมาตราการป้องกัน การแพร่ของโรค รวมถึงจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว พร้อมกันนี้ ให้หน่วยงานพิจารณามาตราการเหลื่อมเวลาทำงาน โดยให้ทำงานที่บ้าน และให้หน่วยงานราชการ ทำแผนงานเสนอศูนย์โควิด-19
  6. ด้านมาตราการช่วยเหลือเยียวยา
    เสนอยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมจากเจ้าของกิจการ โรงงาน ช่วยเหลือการลดราคาห้องพัก ธุรกิจโรงแรม และในสัปดาห์หน้า กระทรวงที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาหามาตราการเพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เข้าพิจารณา ครม.สัปดาห์หน้า

    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่าจะพยายามชะลอระยะ 2 ให้ได้นานที่สุด ให้ถือว่าการแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง พร้อมย้ำว่ามาตรการที่ออกไม่ใช่ปิดกรุงเทพฯ แต่เป็นการควบคุมในระดับที่เข้มข้น