ประเด็นน่าสนใจ
- การกระทำลักษณะนี้ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
- โทษคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบว่าผู้ก่อเหตุติดเชื้อโควิด-19
- วอนประชาชนอย่าเลียนแบบ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีที่ปรากฏคลิป ชายคนหนึ่งอยู่ในในลิฟต์โดยสารในสถานีรถไฟฟ้า ก่อนที่จะนำมือไปป้ายน้ำลายตามตำแหน่งต่างๆ ในลิฟต์จนทั่ว
รวมทั้งควักเป้าและป้ายไปยังปุ่มกดต่างๆ จนก่อให้เกิดความวิตกกังวลใจให้กับผู้ที่เห็นคลิปและใช้บริการรถไฟฟ้า เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา นั้นว่า
เบื้องต้นจากเหตุที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ให้ประสานงานกับ เจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุข , เจ้าหน้าที่เทศกิจ กรุงเทพมหานคร และ เจ้าหน้าที่ BTS เร่งตรวจสอบและพิสูจน์ชายดังกล่าวที่ปรากฏในคลิป
เพื่อควบคุมตัว มาตรวจสอบ,สอบสวนโรค, ตรวจหาการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) และ สอบสวนหามูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุในครั้งนี้ ประกอบกับ ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำความสะอาด ฉีดฆ่าเชื้อในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้อยากฝากเตือนกลุ่มคนที่คึกคะนองว่า การกระทำดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 หรือ ความผิดฐาน กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ของโสโครกเปรอะเปื้อน
หรือน่าจะเปรอะเปื้อนทรัพย์ หรือแกล้งทำให้ของโสโครกเป็นที่เดือดร้อนรำคาญ โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 389 ประมวลกฎหมายอาญา
ทั้งนี้หากว่าผู้ก่อเหตุ มีอาการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) อาจเข้าข่ายความผิดฐาน กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ตาม มาตรา 34 (6) พระราชบัญญัติควบคุมโรค พ.ศ.2558 และ ความผิดฐาน เข้าไปหรือออกไปจากที่เอกเทศ โดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากนั้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ที่ผ่าน รองโฆากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยว่า จนท.ตำรวจ สามารถคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว โดยเป็นชายชาวไทย อายุ 32 ปี
เบื้องต้นพบว่ามีอาการทางจิตเล็กน้อย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบประวัติและสอบสวนโรคของชายคนดังกล่าวอยู่