‘ชัชชาติ’ ขายคู่ ‘30บาทระยะ2-หวยบำเน็จ’ หาเสียงโค้งสุดท้าย แซว ‘ตู่’ พักผ่อนเยอะๆ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย และนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 9 (หลักสี่) หมายเลข 2 เดินตลาดเคหะท่าทราย ตักบาตร ทักทายพ่อค้าแม่ค้าและวินมอร์เตอร์ไซค์มีประชาชนในพื้นที่ต้อนรับและมาขอถ่ายรูป โดยแม่ค้าในตลาดกล่าวว่า “เป็นรัฐบาลอีกรอบรวยแน่ ตอนนี้ไม่ไหว” และแวะพูดคุยถามไถ่ปัญหากับแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ระหว่างทางมีคุณป้าชื่อ ‘ตู่’ เข้ามาทักทาย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรจะพูดกับพี่ตู่ไหม นายชัชชาติตอบติดตลกว่า “พักผ่อนเยอะๆนะ”
นายชัชชาติ กล่าวว่า ชุมชนท่าทรายเป็นชุมชนที่เข้มแข็งและอบอุ่นน่ารักเป็นส่วนสำคัญของการกระจายอำนาจ ชุมชนมีความเข้มแข็งและรู้ปัญหาดีกว่าส่วนกลาง ดังนั้นต่อไปหากใช้รูปแบบการกระจายอำนาจและให้ชุมชนบริหารจัดการกันเอง เช่น กองทุน SML ทำให้ชุมชนยิ่งเข็มแข็ง รู้ความต้องการของชุมชนเอง และเป็นการฝึกประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานให้คนมาคุยกันตรวจสอบกัน ทำชุมชนเล็กๆ เป็นหน่วยเล็กสุดให้เข้มแข็งแล้วประเทศจะเข้มแข็งขึ้น ดังนั้นกองทุน SML ที่เคยทำมาในอดีตก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่ชุมชนตอบโจทย์ตัวเองได้
ส่วนปัญหาที่พบเจอในการพูดคุยกับประชาชนวันนี้ เช่น การผูกขาดลอตเตอรี่ แม่ค้าอยากได้โควต้าเพิ่มเนื่องจากรับมาจากยี่ปั๊วในราคา 83 บาททำให้ขายในราคา 80 บาทไม่ได้ ซึ่งตนคิดว่านโยบายหวยบำเน็จจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้า ขายร่วมกับสลากกินแบ่งรัฐบาล ขณะเดียวกันจะช่วยแก้ปัญหาผู้สูงอายุจนก่อนรวยเพราะไม่มีเงินออม แต่คนจะอยู่ได้ต้องมีเงินอย่างน้อย 50% ของเงินเดือนสุดท้าย แต่ทุกวันนี้มีแค่ข้าราชการ ส่วนประกันสังคมเองก็ให้เงินแค่ 24% ปัจจุบันมีคนร่วมกองทุนการออมแห่งชาติ 5 แสนคนจากเป้าหมาย 25 ล้านคน ดังนั้นหวยบำเน็จจะตอบโจทย์เรื่องการออมและสังคมผู้สูงวัยของประเทศไทย ให้มีแรงจูงใจในการออม แม้รางวัล อาจจะไม่เยอะเท่ากับสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่จะได้เงินต้นคืนในรูปแบบของการออม
นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าในชุมชนมีผู้สูงอายุเยอะ แต่ยังมีสุขภาพแข็งแรงสดชื่น ส่วนหนึ่งคิดว่าอาจจะเป็นเพราะชุมชนมีสวนสาธารณะและพื้นที่ออกกำลังกาย ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พรรคเพื่อไทยมีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคระยะ 2 ที่มีหัวใจคือการดูแลป้องกันให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น การมีสวนสาธารณะ มีที่ออกกำลังกาย การให้ความรู้เรื่องการกินทำให้ผู้สูงอายุเข้าใจในการดูแลสุขภาพ ช่วยลดภาระในการดูแลและทำให้สังคมผู้สูงอายุมีความเข้มแข็งและมีสุขภาพที่ดี แทนที่จะต้องไปรักษาตอนหลัง
อีกทั้งยังกระจายหน่วยพยาบาลกระจายลงไปให้ถึงเส้นเลือดฝอยของไทย ตามนโยบายไทยเท่าเทียม ทุกคนต้องเข้าถึงสิทธิ์ที่เท่าเทียมกันด้วยระยะเวลาที่เร็ว โรงพยาบาลอาจจะเป็นโซน ลงทะเบียนได้หลายโรงพยาบาล คือเอาประชาชนเป็นที่ตั้งและตอบโจทย์ตรงนั้น ใช้แอปพลิเคชั่นในการตรวจชีพจรวัดความดันและส่งไปที่ส่วนกลาง บุคลากรอาจจะไม่ต้องลงไปเอง แต่ให้คนในหมู่บ้านหรือ อสม. ลงไปเยี่ยมและเอาเทคโนโลยีไปใช้ถ่ายข้อมูลเข้ามาคลังข้องมูลกลางในโรงพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ แล้วบุคลากรเฝ้าติดตามผลตรวจสุขภาพของประชาชนว่าระดับน้ำตาลในเลือด ชีพจร หรือความดัน ฯลฯ เป็นอย่างไร จะทำให้แก้ปัญหาได้ตรงและรวดเร็วขึ้น เห็นความต่อเนื่องและแพทย์สามารถดูประวัติย้อนหลังได้
ซึ่งแอปพลิเคชั่นพวกนี้มีใช้ในต่างประเทศอยู่แล้ว และจะนำมาประยุกต์ใช้ทั้งสาธารณสุขและมิติอื่นๆ และหากทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ จะทำให้ข้อมูลเชื่อมโยงสื่อสารกันง่าย เพราะปัจจุบันโรงพยาบาลยังมีฐานข้อมูลที่ต่างกันอยู่ ถ้าทำให้ฐานข้อมูลให้เป็นอันเดียวกัน การให้บริการก็จะสะดวกขึ้น คนไข้เปลี่ยนโรงพยาบาลหรือเปลี่ยนภูมิลำเนาก็จะมีข้อมูล และรวมเป็นฐานข้อมูลใหญ่ของประเทศเพื่อวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพของคนในประเทศได้ดีขึ้น การเปลี่ยนระบบข้อมูลเป็นดิจิทัลยังจะช่วยลดค่าขนส่ง กดเอ็นเทอร์ครั้งเดียวก็สามารถส่งต่อข้อมูลไปทั่วประเทศทั่วโลก
ส่วนปราศรัยใหญ่ในวันพรุ่งนี้จะเป็นการสรุปว่าในอนาคตพรรคจะเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยเรามีผลงานที่ประจักษ์และเป็นผู้บริหารมืออาชีพที่เข้าใจอนาคต เข้าใจประชาชน และเข้าใจวิธีทำ เน้นผลลัพธ์ซึ่งนี่คือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่มีแต่ความฝัน แล้วทำให้เป็นจริงไม่ได้ และที่สำคัญคือการทำงานเป็นทีม ที่จะร่วมมือกันสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ส่วนสถานที่จัดปราศรัยแม้จะจุคนได้ 3,000-4,000 คนแต่จะมีการเผยแพร่ออกไปทั่วประเทศด้วยอินเตอร์เน็ตและการสื่อสารวิธีอื่น ซึ่งอาจจะมีคนได้ดูเป็นล้าน ดังนั้นตำแหน่งที่จัดจะใกล้กับใครก็ไม่สำคัญแต่หัวใจคือการกระจายไปทั่วประเทศ
หลังจากนั้น นายชัชชาติขึ้นรถแห่มาที่ตลาดเคหะทุ่งสองห้อง และเดินทักทายประชาชนในตลาด โดยมีประชาชนมาต้อนรับและตะโกน “เพื่อไทยสู้ๆ” และ “เพื่อไทย กระเป๋าตุง” ตลอดเส้นทาง