พ่อเด็กหญิงวัย 12 ปี โพสต์สั่งลา หลังตำรวจบอกอาจติดคุก คดีทำร้ายร่างกายโจ๋ลวงลูกไปรุมโทรม ชี้หากหายไปแสดงว่าติดคุก
จากเหตุการณ์สุดสลด ผู้ปกครองของเด็กหญิงวัย 12 ปี รายหนึ่งได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมหลังจากลูกสาวของเขาถูกเยาวชนชายประมาณ 9 คนลวงลูกสาวไปรุมโทรมในร้าน 20 บาทร้านหนึ่งในพื้นที่ จ.สระบุรี จนเกิดเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างเมื่อช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดพ่อของเด็กหญิงรายดังกล่าวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้งบอกเล่าถึงความคืบหน้าของคดีว่า วันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.) เขาจะเดินทางไปขึ้นศาล ในข้อหาทำร้ายร่างกายกับกลุ่มโจ๋เหล่านั้นที่ลวงลูกเขาไปรุมโทรม ซึ่งทางตำรวจก็ได้แจ้งเขาไปว่ามีโอกาสสูงที่เขาจะติดคุกจากการกระทำดังกล่าว เพราฝ่ายโจทก์บอกว่าได้รับบาดเจ็บหนักต้องรักษาตัวนานถึง 6-8 สัปดาห์ หากคนสระบุรีรู้จักทนายเก่งๆ รบกวนแนนะนำให้ด้วยเพราะจะไดเตรียมไว้ไปสู้คดี
โดยข้อความทั้งหมดระบุว่า ถ้าผมหายไปแสดงว่าผมติดคุกนะครับพรุ่งนี้ต้องไปขึ้นศาลแล้วพี่ตำรวจได้บอกว่าผมมีเปอร์เซ็นต์ติดเพราะคู่กรณีที่ผมทำร้ายร่างกายมีบาดแผลสาหัสรักษา 6-8 สัปดาห์มีโทษจำคุก 3-5ปีผมก็งงนะผมเตะไปทีเดียวเองเจ็บสาหัสขนาดนั้นเลยเหรอตอนนี้ผมต้องหาทนายเตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ใครรู้จักทนายเก่งๆแถวสระบุรีแนะนำให้หน่อยครับ
ถ้าศาลไม่ให้ประกันตัวแสดงว่าผมติดคุกไปแล้วส่วนตัวผมไม่กลัวหรอกครับคุกนะแค่สงสารลูกและเป็นห่วงยายแกเป็นอัมพาตกลัวว่าแกรู้แล้วช็อคเป็นห่วงหลายๆ อย่างครับ
ทั้งนี้เมื่อเรื่องราวดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปทำให้มีคนส่งต่อเป็นจำนวนมากโดยส่วนใหญ่ต่างให้กำลังใจคุณพ่อรายนี้ให้ผ่านพ้นเรื่องร้ายๆครั้งนี้ไปให้ได้
สำหรับคดีทำร้ายนั้น ทางเพจทนายคู่ใจ ได้โพสต์ข้อความไว้ให้เป็นความรู้ไว้เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2561 ที่ว่า #ทำร้ายร่างกายไม่ได้จบที่จ่ายค่าปรับเสมอไป
ลองมาพิจารณาดูกันว่าการทำร้ายร่างกายนั้นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายถึงขั้นไหน โทษเท่าไหร่ ยอมความได้ไม่ได้ตามกฎหมาย
1.หากตบตี ถีบหน้า ธรรมดาโดย “ไม่เป็นเหตุให้เป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ก็อาจเป็นความผิดลหุโทษ ตาม ป.อาญา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.แต่หากตบตี จนฟกช้ำต้องกินน้ำใบบัวบก คือเป็นการทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ กรณีนี้จะเป็นการทำร้ายร่างกายตามป.อาญา มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.หากสาหัส ถึงขั้นใส่เฝือก หรือหยอดข้าวต้ม นอนโรงพยาบาลกว่ายี่สิบวัน ก็เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 หมื่นบาทถึง2 แสนบาท ตามป.อาญา มาตรา 297
ทีนี้มาดูการยอมความในคดีทำร้ายร่างกายกัน
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายนั้นแม้ผู้เสียหายจะยอมความแต่ก็ไม่มีผลให้คดียุติ เพราะการกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 และ 297 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้
โดยคดีความผิดต่อแผ่นดินนั้นเป็นความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย และเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน คู่ความจะไปทำความตกลงยอมความกันไม่ได้ แม้ว่าคู่ความจะได้ทำการยอมความหรือถอนฟ้องคดีไปแล้ว พนักงานสอบสวนยังอาจดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ต้องหาได้
(ศึกษาเพิ่มเติมคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8192/2553 ,7269/2557,290/2554,5744/2555 ,5087/2551)
#ทำร้ายร่างกาย #ตบหน้า #ทนายคู่ใจ #กฎหมายวันละนิดจิตแจ่มใส
ปรึกษากฎหมายโทร 0924533393,0877112224
หรือไลน์พิมพ์ @freelaw
@J.A.N