ประเด็นน่าสนใจ
- ขู่จัดการให้ถึงที่สุดคนไม่น้อมรับคำตัดสินของศาล
- โทษละเมิดอำนาจศาลคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 500 บาท
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี กรณีทางพรรคได้กู้เงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคมาใช้ในการดำเนินกิจการทางการเมืองไปเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี จากพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ปารีณา ไกรคุปต์ แสดงความเห็นถึงเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า หลังจากยุบพรรคอนาคตใหม่ ขอเชิญทุกคนรวมตัวกันไปฉลองเดินหน้าประเทศไทย
พร้อมกันนี้ น.ส.ปารีณา ยังระบุต่อว่า ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะให้ความเคารพ เพราะคำตัดสินศาลถือเป็นอันสิ้นสุด และหากผู้ใดไม่เคารพศาล ตนพร้อมเดินหน้าเอาผิดถึงที่สุด
สำหรับความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ทางเพจ iLaw เผยว่า ความผิดนี้ได้เขียนไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30-33 มีโทษตั้งแต่ไล่ออกจากบริเวณศาล หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 500 บาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองความสงบเรียบร้อยในการพิจารณาคดี
ทั้งนี้เมื่อคดีใดมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว การวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อมวลชนย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลคำพิพากษาที่เกิดขึ้นแล้วได้ มาตรา 32(2) จึงไม่ได้คุ้มครองหลังคดีถึงที่สุดไปแล้วด้วย
ดังนั้น หากคดีใดศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว แม้ว่า สื่อมวลชนจะวิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนไป หรือมีเนื้อหามุ่งโจมตี ชักจูงใจ ให้มีอิทธิพลเหนือผู้ใดโดยไม่สุจริต ก็ไม่อาจเอาความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 32 มาใช้ได้
อย่างไรก็ดี หากภายหลังคดีถึงที่สุดแล้วมีผู้ใดกล่าวโจมตีศาลอย่างไม่เป็นธรรม มีเจตนาไม่สุจริต ก็ยังอาจเป็นความผิดได้ฐาน “ดูหมิ่นศาล” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 198 ซึ่งการดำเนินคดีฐานดูหมิ่นศาลจะไม่มีกระบวนการพิจารณาคดีที่พิเศษ
แต่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนเช่นเดียวกับคดีอาญาทั่วไป โดยต้องมีการตั้งข้อกล่าวหา การสอบสวน ในชั้นตำรวจ ชั้นอัยการ และส่งฟ้องคดี ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิปฏิเสธ มีสิทธิต่อสู้คดี และนำเสนอพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้เต็มที่