ประเด็นน่าสนใจ
- บอกเลือกทำเพื่อขอโอกาสในการพัฒนาจังหวัดของตนให้ดีขึ้น
- ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง และน้อมรับคำปรามาส
นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เขต 1 โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ผมขอยืนยันการทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม และผมขอเลือกโอกาสที่ผมจะสามารถผลักดันการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ ของจังหวัดฉะเชิงเทรา
โดยมีความเข้าใจในบริบททางการเมืองอันโหดร้ายเช่นนี้ ซึ่งผมไม่อยากให้ความขัดแย้งทางการเมืองมาส่งผลกระทบต่อการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของจังหวัดฉะเชิงเทรา ผมยังศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอยู่เสมอ ยังยืนยันการสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นสากล และยังยืนยันการทำงานทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์
ขอกราบขอบพระคุณ หัวหน้าธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตพรรคอนาคตใหม่ เพื่อนสมาชิก คุณฐิติมา ฉายแสง ครอบครัวฉายแสง รวมถึงทุก ๆ ท่านที่ลงคะแนนให้ และทุก ๆ ท่านที่เกี่ยวข้อง ทุก ๆ ท่านมีส่วนร่วมในการผลักดันให้ผมมาเป็นผู้แทนในครั้งนี้ ด้วยความรัก ความเคารพ ตลอดมาและตลอดไป
ผมขอยืนยัน ความรักและเคารพ ผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่าน รวมถึงผู้ที่ได้ให้ความช่วยเหลือผมในด้านต่าง ๆ ผู้ที่ให้โอกาสต่าง ๆ กับผมมาโดยตลอด ขอบพระคุณครับ
การตัดสินใจครั้งนี้ ก็เหมือนกับการที่ผมตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยที่มิได้มุ่งหวังว่าจะได้เป็นผู้แทน แต่มุ่งหวังที่สนับสนุนการเมืองแบบสร้างสรรค์ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้ผมได้เป็นผู้แทนในครั้งนี้
ก็ยืนยันการทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ และทำตามมติพรรคมาโดยตลอด จนถึงนาทีสุดท้าย ที่ไม่มีพรรคแล้ว จึงตัดสินใจอันยากเย็นในครั้งนี้ เพื่อที่ต่อรอง และทำประโยชน์ให้กับฉะเชิงเทราให้ได้มากที่สุด
“ฉะเชิงเทราต้องดีกว่านี้” ในสมัยที่ผมยังเป็นผู้แทน กับบริบทการเมืองเช่นนี้ ทั้งรัฐธรรมนูญ ทั้งผู้ที่มีอำนาจ ทั้งอำนาจหน้าที่ของ ส.ส กับ ส.ว. รวมถึงการแข่งขันทางการเมืองในจังหวัดฉะเชิงเทรา
ผมขอน้อมรับ คำติชม คำปรามาส ไว้เพียงแต่ผู้เดียว และผมจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ เพื่อจังหวัดฉะเชิงเทรา กราบขอโทษทุก ๆ ท่านในการตัดสินใจครั้งนี้ ขอขอบคุณในความเข้าใจและไม่เข้าใจ รวมถึงการกระทำที่ทำให้ท่านผิดหวังและไม่ผิดหวัง ซึ่งทุก ๆ ท่านสามารถแนะนำ การผลักดันการพัฒนาเมืองฉะเชิงเทรา ได้เหมือนเดิมครับ
ทั้งนี้นอกจาก นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ย้ายเข้าร่วมพรรคภูมิใจไทยแล้ว ยังมี ส.ส.อีก 8 ท่านที่ย้ายซบบพรรคดังกล่าวเช่นกัน ทำให้พรรคภูมิใจไทยมีสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎร เพิ่มอีก 9 คน เป็น 61 คน จากเดิม 52 คน ส่งผลให้เป็นพรรคภูมิใจไทยขยับขึ้นเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของประเทศ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของพรรคร่วมรัฐบาล
