ข่าวสดวันนี้ ปฏิบัติการIO เว็บไซต์ Pulony

กอ.รมน. รับทำเว็บไซต์ Pulony จริง หลังถูกแฉเป็นปฏิบัติไอโอทหาร

วานนี้ (27 ก.พ.) พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง เปิดเผยถึงกรณีที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีการนำเอกสารของ กอ.รมน. ที่เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 สภาผู้แทนราษฎร มาประกอบการอภิปราย และระบุว่า…

Home / NEWS / กอ.รมน. รับทำเว็บไซต์ Pulony จริง หลังถูกแฉเป็นปฏิบัติไอโอทหาร

ประเด็นน่าสนใจ

  • ชี้เป็นเพื่อการสร้างข่าวสารที่ถูกต้องให้ประชาชนได้รับรู้ เข้าใจการทำงานของ จนท.
  • ยืนยันไม่ได้มุ่งหวังสร้างความแตกแยกแต่อย่างใด

วานนี้ (27 ก.พ.) พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง เปิดเผยถึงกรณีที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

โดยมีการนำเอกสารของ กอ.รมน. ที่เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 สภาผู้แทนราษฎร มาประกอบการอภิปราย และระบุว่า กอ.รมน. ได้จัดทำเว็บไซต์ Pulony.blogspot.com เพื่อโจมตีบุคคลต่าง ๆ ว่า

เอกสารที่นำมากล่าวอ้างนั้น เป็นเอกสารราชการที่คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 สภาผู้แทนราษฎร ได้ให้ กอ.รมน. จัดทำรายงานการปฏิบัติ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560-2562 เพื่อเป็นข้อมูลประกอบ การพิจารณางบประมาณปี 2563 กิจกรรมการส่งเสริมและเผยแพร่ความจริงที่ถูกต้อง เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหา

ดังนั้น กอ.รมน. จึงได้จัดทำเพิ่มเติมตามคำแนะนำดังกล่าว เพื่อให้คณะอนุกรรมาธิการฯ พิจารณาให้การสนับสนุนงบประมาณ และได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่ายตามขั้นตอนของรัฐสภาแล้ว

พล.ต.ธนาธิป กล่าวต่อว่า รายละเอียดของกิจกรรมเป็นการประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในรูปแบบการจัดรายการวิทยุ ของสถานีวิทยุทักษิณสัมพันธ์ รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์

โดยมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่ถูกต้อง ให้ประชาชนเข้าใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ มุ่งเน้นการอำนวยความยุติธรรม และงานด้าน สิทธิมนุษยชน เพื่อนำไปสู่สันติสุขในอนาคต

ไม่ได้มีความมุ่งหมายตามที่มีการนำมาอภิปราย แต่อย่างใด จากสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทุกรัฐบาล ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหามากว่า 15 ปี และในปัจจุบันได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น โดยลดการก่อเหตุความรุนแรงลง

อย่างไรก็ตาม ได้มีการใช้สื่อโซเชียลมากขึ้น เพื่อโฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนข้อเท็จจริง และเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อทำลายภาพลักษณ์สร้างความหวาดระแวง และความเกลียดชังผ่านว็บไซต์ เว็บเพจ และเฟซบุ๊กในลักษณะปิดลับอย่างกว้างขวางในหลายพื้นที่

ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อสนับสนุนให้การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน