ถุงพลาสติก เอาเปรียบผู้บริโภค

ศรีสุวรรณบุก สคบ.ร้องสอบ 75 ร้านสะดวกซื้อ เอาเปรียบผู้บริโภค

ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ สคบ. ให้ดำเนินการสอบเครือข่ายภาคธุรกิจเอกชน ทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ ออกมารณรงค์และนำร่องงดแจกถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวโดยสิ้นเชิง ในบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านค้าสะดวกซื้อรายใหญ่กว่า 75 บริษัท อาทิ ห้างเซลทรัล…

Home / NEWS / ศรีสุวรรณบุก สคบ.ร้องสอบ 75 ร้านสะดวกซื้อ เอาเปรียบผู้บริโภค

ประเด็นน่าสนใจ

  • จากกรณีที่ห้างฯและร้านค้าต่างๆ ไปจนถึงหลายหน่วยงานต่างออกมารณรงค์ และนำร่องงดแจกถุงพลาสติก
  • ทางด้านนายศรีสุวรรณยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ สคบ. สอบเครือข่ายภาคธุรกิจเอกชน เอาเปรียบผู้บริโภค
  • ปมไม่จัดหาภาชนะรองรับแทนถุงพลาสติก

ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ สคบ.

ให้ดำเนินการสอบเครือข่ายภาคธุรกิจเอกชน ทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ ออกมารณรงค์และนำร่องงดแจกถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวโดยสิ้นเชิง ในบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านค้าสะดวกซื้อรายใหญ่กว่า 75 บริษัท อาทิ ห้างเซลทรัล เดอะมอลล์ บิ๊กซี เซเว่น อีเลฟเว่น โลตัส ฯลฯ ที่งดแจกถุงพลาสติกให้กับลูกค้าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นกระแสอินเทรนด์อยู่ในขณะนี้นั้น

แต่การงดแจกถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวดังกล่าว กลับมิได้มีการเตรียมการหาภาชนะอื่นใดมาใช้ทดแทนให้กับประชาชนผู้มาใช้บริการห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ดังกล่าวแต่อย่างใด

ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจห้างสรรพสินค้าและร้านค้าสะดวกซื้อที่จะได้ลดต้นทุนด้านการจัดเตรียมถุงพลาสติกไว้ให้บริการลูกค้าลง แถมมีห้างสรรพสินค้าบางรายฉวยโอกาสในการโขกสับเรียกค่าภาชนะบรรจุสินค้าในราคาที่สูงเกินควร

โดยที่ผู้บริโภคไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของร้านค้าที่จะต้องเตรียมหาภาชนะอื่นมาให้บริการลูกค้าฟรีมิใช่มาขูดรีดเอากับลูกค้า และดูเหมือนภาครัฐก็เพิกเฉย ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องงจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคด้านต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.61

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ สคบ. เพื่อให้ดำเนินการ 3 ประการ ดังนี้

1)สั่งมห้ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อทั้ง 75 บริษัท จัดหาภาชนะที่ใช้ทดแทนถุงพลาสติกมาให้บริการลูกค้าโดยไม่คิดมูลค่าใดๆ หากทำไม่ได้ให้ลดราคาสินค้าลงตามสัดส่วนต้นทุนพลาสติกที่ได้ประโยชน์

2)หากผู้ประกอบการไม่ดำเนินการตามข้อ 1) ข้างต้นให้ใช้อำนาจตามมาตรา 39 พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค 2522 ในการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภคดังกล่าว และ

3)ให้เสนอความเห็นค่อ ครม.เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคมิให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อดังกล่าว

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของ สคบ.ตาม ม.61 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ ม.10 (1) (7) (9) ซึ่งจะต้องดำเนินการและมีคำตอบภายใน 90 วันตามที่กฎหมายบัญญัติ หาก สคบ.นิ่งเฉยสมาคมฯจะนำความขึ้นฟ้องร้อง สคบ.ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด