ประเด็นน่าสนใจ
- นายกฯ เผยดูอยู่เหตุการณ์ความขัดแย้งสหรัฐ-อิหร่าน
- บอกต้องติดตาม เพราะส่งผลกระทบในเรื่องต่างๆ มายังภูมิภาค
- กำชับสถานทูต-กงสุล เร่งช่วยเหลือคนไทยทันทีไม่ต้องรอสั่งหากเกิดการโจมตีขึ้น
- สั่งเข้มสถานทูตทั้ง 2 ประเทศในไทย ป้องกันการถูกโจมตี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ ความแย้งระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและอิหร่านว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์อยู่ โดยกระทรวงต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคงก็ติดตามมาโดยตลอด
ซึ่งเราต้องให้ความสำคัญกับสถานการณ์ต่างประเทศด้วยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะหลายอย่างมีผลมาถึงภูมิภาคของเราด้วย โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านการค้าและเศรษฐกิจ รวมทั้งความเชื่อมั่นต่างๆ
กังวลสถานการณ์ความตึงเครียด ส่งผลกระทบต่อพลังงาน
ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องพลังงาน ที่อาจจะปรับสูงขึ้นเกิดผลกระทบกับพลังงานของเรา ดังนั้นขอให้ทุกคนคิดด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งรัฐบาลจะแก้ตรงนี้ได้มากน้อยเพียงใดตามกติกาและกฎหมายที่มีอยู่
เราจะแก้อะไรตามใจมากๆ ไม่ได้ เพราะมีความละเอียดอ่อนมากพอสมควร โดยเฉพาะสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของโลก ซึ่งทุกประเทศเป็นห่วงในเรื่องนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้น
ไฟเขียว กงสุล-สถานทูต ช่วยเหลือคนไทย ได้เลยไม่ต้องให้สั่ง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
สำหรับการแจ้งเตือนคนไทยนั้น เป็นมาตรการเฉพาะอยู่แล้วตามระเบียบปฏิบัติประจำ และได้ย้ำกับกระทรวงต่างประเทศไปแล้วไม่ต้องรอให้สั่ง ดังนั้นทุกสถานทูตและสถานกงสุลต้องมีการเตรียมแผนในเรื่องอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย ในขั้นต้น
ส่วนในเรื่องการส่งกลับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีทั้งสายการบินพาณิชย์ เช่าเหมาลำหรือมีเครื่องบินของกองทัพอากาศที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการอนุญาตของต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดขอให้คนไทยทุกคนปลอดภัยโดยหาพื้นที่ปลอดภัย พร้อมติดต่อผ่านช่องทางและแจ้งญาติให้รู้ว่าตัวเองยังปลอดภัยอยู่ เพื่อจะได้ไม่เกิดความเป็นห่วงซึ่งกันและกัน อีกทั้งเมื่อถึงช่วงที่สถานการณ์รุนแรงขึ้นจะสามารถรวมตัวได้ที่ไหน เพื่อให้ประสานติดต่อกันได้
สั่งเข้มสถานทูตของสหรัฐ – อิหร่าน ในไทยป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ในประเทศก็ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงดูแลในสถานทูตต่างๆ ตลอดจนสถานที่สำคัญต่างๆ ไปแล้ว รวมทั้งช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ได้สั่งการในเรื่องเหล่านี้ เพราะมีการรายงานตนมาตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว
ทั้งเรื่องความมั่นคงและเศรษฐกิจ และได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบในการปฏิบัติ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามีการเสริมกำลังไปแล้วในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในสถานทูตที่สำคัญ