ประเด็นน่าสนใจ
- กรมชลประทาน ย้ำปีนี้น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆ มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย
- เหตุจากฝนตกต่ำกว่าค่าปกติในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา
- วอนทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ลดเสี่ยงขาดแคลนน้ำในอนาคต
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง ทั่วประเทศว่า ปัจจุบัน (6 ม.ค. 63) มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกัน 46,618 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุเก็บกักรวมกัน
โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้ 22,789 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ของปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน
เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์)มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,922 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 4,226 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 23 ของปริมาณน้ำใช้การได้
สำหรับแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2562/2563 (ระหว่าง 1 พ.ย. 62 – 30 เม.ย. 63) เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในเขตชลประทาน มีปริมาณน้ำจัดสรรจากอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 17,699 ล้าน ลบ.ม.(น้อยกว่าปีที่แล้วประมาณ 7,000 ล้าน ลบ.ม.)
เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก มีปริมาณน้ำจัดสรรรวมทั้งสิ้น 4,000 ล้าน ลบ.ม.(น้อยกว่าปีที่แล้ว 3,700 ล้าน ลบ.ม.)
ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งทั้งประเทศ ปัจจุบัน (27 ธ.ค. 62) มีการระบายน้ำตามแผนฯ ไปแล้วจำนวน 5,878 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 33 ของแผนจัดสรรน้ำฯ เฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการระบายน้ำตามแผนฯไปแล้วจำนวน 1,812 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 45 ของแผนจัดสรรน้ำฯ
ส่วนแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2562 ได้วางแผนเพาะปลูกพืชทั้งประเทศ รวมทั้งสิ้น 6.85 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 2.31 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.52 ล้านไร่ และพืชอื่นๆ 4.01 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มีแผนการเพาะปลูกพืชเนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอต่อการสนับสนุนด้านการเกษตร
กรมชลประทาน ดำเนินการบริหารจัดการน้ำตามแผนที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเสถียรภาพและความมั่นคงด้านน้ำ เตรียมความพร้อมด้วยศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจสำนักเครื่องจักรกล แก้ไขและบรรเทาวิกฤติภัยแล้ง ปี 2562/2563 กรมชลประทาน เพื่อส่งเครื่องจักร-เครื่องมือ ไปประจำการที่ศูนย์ฯทั่วประเทศ
โดยมีศูนย์ส่วนกลางอยู่ที่ จ.นนทบุรี และอีก 7 ศูนย์สาขาในทุกภูมิภาค
ได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.พิษณุโลก จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา จ.พระนครศรีอยุธยา จ.นนทบุรี และ จ.สงขลา ซึ่งจะกระจายส่งเครื่องจักร-เครื่องมือ จำนวน 4,316 หน่วย
แยกเป็น เครื่องสูบน้ำ จำนวน 1,935 เครื่อง รถสูบน้ำ จำนวน 258 คัน รถขุด จำนวน 499 คัน เรือขุด จำนวน 69 ลำ รถบรรทุก จำนวน 511 คัน รถบรรทุกน้ำ จำนวน 106 คัน รถแทร็กเตอร์ จำนวน 565 คัน
และเครื่องจักรสนับสนุนอื่นๆจำนวน 373 เครื่อง พร้อมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดในทุกพื้นที่
ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนใช้น้ำตามแผน อย่างประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุด หากประชาชนที่ประสบกับปัญหาภัยแล้งหรือขาดแคลนน้ำ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากโครงการชลประทานในพื้นที่ของท่านได้ตลอดเวลา