ประเด็นน่าสนใจ
- ส่องแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯ หลังมีรายงานว่า มีเคลื่อนทัพของกองทัพสหรัฐอเมริกา เข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย ชนิดจัดหนักจัดเต็ม
เริ่มจากเรือบรรทุกเครื่องบินรบ ยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น ชั้นนิมิตซ์ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ บรรทุกเจ้าหน้าที่และกลาสีได้สูงเเกิน 6,000 นาย ชั้นดาดฟ้าเป็นที่จอดของเครื่องบินรบเอฟ-18 เฮลิคอปเตอร์ เอ็มเอช-60 ซีฮอว์ก และเครื่องบินชนิดอื่นๆ
ยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น ไม่ได้ล่องมาลำเดียว ต้องมีเรือคุ้มกันตามประกบมาด้วย เป็นเรือพิฆาต 3 ลำ ได้แก่ คือ ยูเอสเอส เบนบริจด์ ยูเอสเอส เมสัน และยูเอสเอส ซิตเซ พร้อมด้วยเรือยูเอสยูเอส เลย์ทีสำหรับยิงขีปนาวุธนำวิถี และเรือฟริเกต อีเอสพีเอส เมนเดซ นูเนซ ส่วนเรือลินคอล์นเอง มีอาวุธป้องกันตัวเอง ทั้งปืนกลและขีปนาวุธ
นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐยังเคลื่อนเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52 ระบบยิงขีปนาวุธ แพตทริออต อาวุธคู่สงครามอ่าวเปอร์เซียที่กองทัพสหรัฐเคยใช้รบกับอิรักมาตั้งแต่ปี 2534 และเรือขนส่งเสบียงแบบสะเทินน้ำสะเทินบก
ปัจจุบัน กองทัพสหรัฐฯ ยังครองแชมป์อันดับ 1 กองทัพที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดในโลก ทั้งในด้านกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และงบประมาณทางทหาร ขณะที่กองทัพอิหร่าน ถูกจัดอยู่ในอันดับ 14 ของโลก
ในส่วนของกำลังทหาร ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีทหารพร้อมประจำการรบ 1.3 ล้านนาย จากกำลังทหารทั้งหมด 144 ล้านนาย ส่วนอิหร่าน มีทหารพร้อมประจำการรบ ประมาณ 5 แสนนาย จากกำลังทหารทั้งหมด 47 ล้านนาย
นอกจากนี้ อิหร่านยังขาดแคลนแสนยานุภาพทางบก และทางอากาศ มีจำนวนรถถัง ปืนใหญ่ และยานพาหนะทางทหารอื่นๆ ประมาณ 8 พันคัน ขณะที่สหรัฐฯ มีมากถึง 48,000 คัน
เช่นเดียวกับอากาศยานและเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งอิหร่านมีอยู่ 512 ลำ ส่วนฝั่งสหรัฐฯ มีถึง 1 หมื่นลำ ทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินลำเลียง เตชครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์โจมตี อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของอิหร่านก็คือ ขีปนาวุธ ที่มีพร้อมใช้งานกว่า 12 ลูก ขณะที่สหรัฐฯ มีขีปนาวุธพร้อมใช้งาน 7 ลูก
ขณะที่สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่า อิหร่านน่าจะเลือกไม่ทำสงครามโดยตรง แต่ใช้วิธีแบบกองโจร มุ่งเป้าโจมตีผลประโยชน์และพลเรือนของสหรัฐฯ ที่อยู่ในตะวันออกกลาง รวมถึงพันธมิตรของสหรัฐฯที่อยู่ในภูมิภาคมากกว่า