ประเด็นน่าสนใจ
- คนร้ายบุกยิงรถยนต์ของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ย่านถนนสุรวงศ์ เมื่อหัวค่ำวันที่ 6 ม.ค.63
- ’บิ๊กโจ๊ก’ ยืนยัน ไม่ได้จัดฉาก หรือสร้างสถานการณ์แต่อย่างใด
- คาดว่ามูลเหตุ มาจากเรื่องไบโอเมทริก ชี้ผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง
ที่ สน.บางรัก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต ผบช.สตม. เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางรัก กรณีรถยนต์ ยี่ห้อ เลกซัส รุ่น อาร์เอ็กซ์ 270 สีขาว ทะเบียน 9 กจ 351 กรุงเทพมหานคร ถูกคนร้ายลอบยิง บริเวณหน้าร้านนวดแห่งหนึ่ง บนถนนสุรวงศ์ เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ม.ค.63 ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต ผบช.สตม. เปิดเผยว่า ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้สร้างสถานการณ์ขึ้นเอง เพราะช่วงที่ผ่านมาตนก็เก็บตัวเงียบไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อสำนักไหนแต่อย่างใด อีกทั้งขณะนี้รถยนต์ของตนได้รับความเสียหาย จึงไม่มีมูลเหตุอะไรที่จะจัดฉากขึ้นมา
“ผมเป็นตำรวจเก่า ถ้าผมมีคู่อริกับใคร ผมต้องรู้ เช่น 2 ปีที่แล้ว รถนักข่าวถูกยิง ก็ต้องรู้ว่าใครยิง แล้วจับคนร้ายได้ไหม ก็จับไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้มาทำกับผม มันต้องไม่เกิดขึ้นแล้ว มันต้องทำตัวให้ประชาชนศรัทธา ประเด็นมูลเหตุมีเรื่องเดียว คือ เรื่องไบโอเมทริก การตรวจรับงานไบโอเมทริกมันล่าช้าไป 100 กว่าวัน ผมเองก็ต้องรักษาผลประโยชน์ให้หน่วย มันเป็นภาษีของประชาชน เมื่อผมตัดสินใจเซ็นต์หนังสือถึงท่าน ผบ.ตร. เมื่อผมตัดสินใจแล้วผมต้องกล้ารับ การตัดสินใจของผมก็เพื่อหน่วยและประเทศชาติ” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นฝีมือของผู้มีอำนาจ และคาดว่าคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติย่อมรู้ดี หากตนเป็น ผบ.ตร. จับคนร้ายไม่ได้ ตนก็พร้อมที่จะต้องรับผิดชอบ เพราะกล้องวงจรปิดมันเต็มไปหมด จะจับไม่ได้ได้อย่างไร คดีนี้ผ่านมา 3 วันแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า อยากกลับสู่วงการตำรวจหรือไม่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ตอบว่า หากมีโอกาสก็อยากกลับไปรับราชการตำรวจ เพราะมันคืออาชีพ และตนก็เกิดมาจากอาชีพตำรวจ เป็นงานที่เราถนัด แต่ถ้ากลับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ตอนนี้เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในฐานะของข้าราชประจำ เป็นข้าราชของแผ่นดินที่ต้องดูแลรับใช้พี่น้องประชาชน