ประเด็นน่าสนใจ
- บิ๊กโจ๊ก ได้เข้ามาให้ข้อมูลในฐานะพยานให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สนามบินน้ำ
- กรณียื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องไบโอเมตริกซ์ และรถตรวจการไฟฟ้าของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มูลค่า 2,100 ล้านบาท
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้เข้ามาให้ข้อมูลในฐานะของพยาน เนื่องในกรณีการยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องไบโอเมตริกซ์ และรถตรวจการไฟฟ้าของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วงเงินกว่า 2,100 ล้านบาท ณ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สนามบินน้ำ (ป.ป.ช.)
โดยวันนี้ บิ๊กโจ๊ก หรือ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ได้เดินทางมายังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สนามบินน้ำ เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลในฐานะพยานบุคคลปากแรก
จากกรณียื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ และรถตรวจการไฟฟ้าของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท
ซึ่งบิ๊กโจ๊กได้กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้ถูกเชิญให้เข้ามาให้ข้อมูลในฐานะพยานปากแรก และจะมีบุคคลอื่นตามมาอีกหลายคน คาดว่าไม่ต่ำกว่า 40 – 50 คน
และเมื่อความยุติธรรมในองค์กรไม่มีนั้น ก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาความยุติธรรมนอกองค์กร อย่างกรณีของทนายษิทธา ที่มีการร้องเรียนนั้นก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของตนเอง
และที่ผ่านมาตนก็ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์แล้ว และวันนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายที่ตนนั้นจะให้สัมภาษณ์กับสื่อต่าง ๆ เพราะถือว่าหลังจากที่ตนได้ให้การกับทาง ป.ป.ช. นั้นก็ถือว่าตนหมดหน้าที่ลงแล้ว
จากนี้ไปกระบวนการนั้นก็จะเป็นเรื่องของ ป.ป.ช. แล้ว และจากกรณีนี้นั้นก็จะเป็นตัวอย่างและเป็นบทเรียนให้กับองค์กรต่าง ๆ ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ พร้อมกับปิดท้ายว่าตนนั้นมั่นใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิมีจริง และหากมีใครฉ้อราษฎร์บังหลวงก็จะมีอันเป็นไปในที่สุด
สำหรับกรณีนี้มีทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายเพื่อประชาชน เป็นผู้ยื่นเรื่องร้องกับทางสำนักงานป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา หลังจากพบว่าโครงการนี้มีความผิดปกติในการจัดซื้อจัดจ้าง