ประเด็นน่าสนใจ
- หน่วยงานความมั่นคงเผย วิ่งไล่ลุงที่สวนรถไฟมียอดรวมคนเข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 13,260 คน
- ชาวเชียงใหม่สวมเสื้อยืดหลากสี ร่วมวิ่งไล่ลุงรอบคูเมือง
ทางด้าน หน่วยงานความมั่นคงได้รายงานข่าวว่า สถานการณ์วิ่งไล่ลุง เมื่อเวลา 08.15 น. สถานการณ์วิ่งไล่ลุงที่ลานกิจกรรมสวนรถไฟยอดมวลชนเข้าไปในพื้นที่มวลชนที่ผ่านจุดคัดกรอง ประตู 1, 3 และ 4 ยอดรวมประมาณ 13,260 คน (เฉพาะหน้าเวที 6,000 คน)
โดยแกนนำหลักที่ปรากฏคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายธนวัฒน์ วงค์ไชย, น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา และนายจอน วิญญู ส่วนที่สวนสาธารณะสมเด็จย่า นายทองแดง เบ็ญจะปัก ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จ.สมุทรสาคร จัดกิจกรรม มีมวลชน ประมาณ 40 คน เหตุการณ์ทั่วไปปกติ ยุติกิจกรรม
- นอกจากนี้ในส่วนของภูมิภาค จ.อุบลราชธานี ประมาณ 400 คน ยุติกิจกรรม, จ.เชียงใหม่ ประมาณ 300 คน เริ่มทำกิจกรรมออกจากท่าแพฯ, จ.นครศรีธรรมราช จุดที่ 1 ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ประมาณ 36 คน และ จุดที่ 2 ม.วลัยลักษณ์ ประมาณ 50 คน ยุติกิจกรรม จ.มหาสารคาม ประมาณ 120 คน, จ.ปัตตานี ประมาณ 300 คน, จ.ตาก จำนวน 10 คน ยุติกิจกรรม
- จ.นครพนม จำนวน 10 คน, จ.ภูเก็ต จำนวน 9 คน เริ่มกิจกรรม, จ.นนทบุรี จำนวน 50 คน, จ.ฉะเชิงเทรา 300 คน ยุติกิจกรรม, จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 30 คน ยุติกิจกรรม, จ.พิษณุโลก ประมาณ 200 คน, จ.บุรีรัมย์ จุดที่ 1 จำนวน 5 คน จุดที่ 2 ยุติกิจกรรม จำนวน 15 คน, จ.มุกดาหาร จำนวน 40 คน ยุติกิจกรรม, จ.พิจิตร จำนวน 20 คน ยุติกิจกรรม
- จ.สมุทรปราการ ประมาณ 50 คน, จ.พัทลุง ประมาณ 80 คน, จ.ปทุมธานี ประมาณ 60 คน เริ่มกิจกรรม, จ.พังงา ประมาณ 50 คน ยุติกิจกรรม, จ.นครปฐม ประมาณ 120 คน ยุติกิจกรรม, จ.กระบี่ จำนวน 10 คน ยุติกิจกรรม และ จ.อุดรธานี จำนวน 120 คน ยุติกิจกรรม
-ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก หน่วยงานความมั่นคง
ชาวเชียงใหม่กว่า 500 คน สวมเสื้อยืดหลากสี ร่วมวิ่งไล่ลุงรอบคูเมือง
ทางผู้สื่อข่าว MThai ได้รายงานบรรยากาศเพิ่มเติม ชาวเชียงใหม่กว่า 500 คน สวมเสื้อยืดหลากสี ทั้ง สีขาว สีแดง สีส้ม สีดำ สกรีนข้อความ “วิ่งไล่ลุง เชียงใหม่” เข้าร่วมกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ที่ข่วงประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
โดยมีมวลชลจากกลุ่มต่างๆ อาทิ เพจเฟซบุ๊ก “วิ่ง ไล่ ลุง เชียงใหม่” ที่มีนางสาวกัญสพัฒน์ อัศวรุจานนท์ เป็นแกนนำ , นายวีระชัย กิตติวาณิชย์ (ลุงอาข่า) “เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก อาข่า ยูเอสเอ สนับสนุนประชาธิปไตยและความเท่าเทียมกัน , นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ (ฟอร์ด เส้นทางสีแดง) , ด.ต.หาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์ (ดาบชิต) แกนนำ นปช.เชียงใหม่ และ นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เข้าร่วม
ขณะที่บริเวณข่วงประตูท่าแพ มีการนำเสื้อยืดสีแดง สีส้ม และ สีดำ เขียนข้อความ”วิ่งไล่ลุง” มาจำหน่ายให้กับชาวเชียงใหม่ที่มาร่วมกิจกรรมตัวละ 200 บาทด้วย
จากนั้นในเวลา 06.30 น. นักวิ่งทั้งหมดได้ออกสตาร์ทจากข่วงประตูท่าแพ วิ่งเข้าฝั่งคูเมืองด้านในมุ่งไปยังแจ่งศรีภูมิ -ประตูช้างเผือก เลี้ยวขวาเข้าถนนพระปกเกล้า ผ่านอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ -ประตูเชียงใหม่-เลี้ยวซ้ายผ่านแจ่งกะต๊ำ วนกลับมาที่ข่วงประตูท่าแพ รวมระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร
กิจกรรมการวิ่งไล่ลุงเชียงใหม่ครั้งนี้ ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง นักวิ่งเริ่มทยอยวิ่งกลับมายังข่วงประตูท่าแพ เพื่อร่วมตัวกันประกาศเจตนารมย์เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกันบริเวณข่วงประตูท่าแพก็มีการจัดกิจกรรม”รณรงค์แก้ไขปัญหาฝุ่นควัน และผลกระทบจากไฟป่าในเขตเมือง” ซึ่งมีการตั้งเวทีขึ้น โดยกิจกรรมจะเริ่มในเวลา 08.30 น. มีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วม ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายร้อยนาย
ขณะที่นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง ได้เรียกระดมมวลชนที่เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อจัดกิกจรรมเดินรณรงค์ไล่ลุงและเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ในขณะที่ตำรวจก็เรียกระดมพลเพื่อเตรียมจัดกิจกรรมรณรงค์แก้ไขปัญหาฝุ่นควันฯ ทำให้เกิดการโต้เถียงกันขึ้นเล็กน้อย ตำรวจจึงหยุดการใช้เครื่องขยายเสียง เพื่อให้ทางกลุ่มดำเนินกิจกรรมต่อ ก่อนจะเดินขบวนออกจากข่วงประตูท่าแพไป
นายอนุรักษ์ กล่าวว่า กิจกรรมวิ่งไล่ลุง ริเริ่มโดยกลุ่มนักศึกษาที่กรุงเทพฯ ซึ่งตนได้เข้าไปมีส่วนร่วมประชาสัมพันธ์จนกระจายไปทั่วประเทศ สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นใน จ.เชียงใหม่ ตนเองเป็นผู้ที่แจ้งเรื่องไปยังตำรวจว่าจะมีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงเชียงใหม่ และใช้เวลาเพียง 6 วันในการประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนให้ชาวเชียงใหม่มาร่วมงาน
โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้เพื่อเรียกร้องการแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเองได้ไปยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาเรียบร้อยแล้ว
นายอนุรักษ์ ยืนยันว่า การวิ่งและการเดินรณรงค์ครั้งนี้ทำอยู่ภายใต้กรอบฎหมาย เนื่องจากก่อนจัดงานได้ไปยื่นขออนุญาตใช้พื้นทีข่วงประตูท่าแพถึง 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 5 และวันที่ 7 มกราคม พร้อมกันนี้ ก็ได้ไปยื่นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมาด้วย