ข่าวสดวันนี้ พรรคอนาคตใหม่ อุตสาหกรรมเหล้า

พรรคอนาคตใหม่ ย้ำ อุตสาหกรรมเหล้า-เบียร์ ไทย ต้องไม่ผูกขาด

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดตัวทีมยกร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า และร่างกฎหมายแรกของ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า “ปลดล็อคทุนผูกขาด ปลดปล่อยสุราคนไทย เพื่อปากท้องประชาชน” โดยทีมยกร่างกฎหมายฉบับนี้ ประกอบด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ…

Home / NEWS / พรรคอนาคตใหม่ ย้ำ อุตสาหกรรมเหล้า-เบียร์ ไทย ต้องไม่ผูกขาด

ประเด็นน่าสนใจ

  • ย้ำนโยบายนี้ต้องทลายธุรกิจแบบผูกขาด เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
  • ยันนโยบายนี้จะสามารถเพิ่มมูลค่าให้เกษตรกรมหาศาล

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดตัวทีมยกร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า และร่างกฎหมายแรกของ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า “ปลดล็อคทุนผูกขาด ปลดปล่อยสุราคนไทย เพื่อปากท้องประชาชน”

โดยทีมยกร่างกฎหมายฉบับนี้ ประกอบด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าทีมยกร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า ,นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพ,

นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ,นางสาวเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ,นายชัน ภักดีศรี กรรมการบริหาร พรรคอนาคตใหม่ สัดส่วนภาคอีสาน ,นายคริส โปตระนันท์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพ

นายธนาธร กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะทลายทุนผูกขาดของธุรกิจแอลกอฮอล์ที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงธุรกิจสุราเท่านั้น แต่ระบบของเศรษฐกิจไทยเต็มไปด้วยการผูกขาดนายทุน โดยเฉพาะโมเดลเศรษฐกิจแบบประชารัฐที่มีการจับคู่ตัวแทนรัฐบาลกลับกลุ่มทุนใหญ่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นจากโมเดลประชารัฐ คือ

1.ให้ทุนใหญ่กำหนดทิศทางประเทศ เกิดการผูกขาดมากขึ้น

2.อำนาจแต่งตั้งสูงกว่าเสียงประชาชน ทำให้ความเหลื่อมล้ำน่าจะรุนแรงขึ้น

3.พึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติ มีการเติบโตแบบไร้เทคโนโลยี

4.การกดทับกีดกันเสรีภาพ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคการพัฒนามนุษย์และนวัตกรรม

โดยนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพ พรรคอนาคตใหม่ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักจากการถูกจับกุมการทำคราฟต์เบียร์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิต ได้กล่าวถึงอุปสรรคที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กของวงการผลิตสุราในประเทศไทย อุปสรรคแรก คือ

เรื่องความคิดที่ทุกคนคิดว่าต้องเป็นบริษัทใหญ่ถึงจะทำสุราขายได้ รวมไปถึงข้อกฎหมายที่กำหนดว่าผู้ผลิตเบียร์ต้องมีกำลังการผลิตถึง 10 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากสำหรับบุคคลทั่วไป จึงควรมีการปลดล็อกให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เข้ามาในอุตสาหกรรมสุรา

ซึ่งจะทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ นำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูปให้ได้มูลค่ามากขึ้น และที่สำคัญจะเป็นการเปลี่ยนประเทศนี้ไปโดยสิ้นเชิง เป็นการทำลายกำแพงอุปสรรคทางความคิดและกฎหมาย เพราะสุราไม่ใช่เรื่องเดียวที่คนไทยถูกปิดกั้นและผูกขาด

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวว่า การปลดล็อกการผลิตสุราจะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับเกษตรกรไทย โดยยกตัวอย่างการเดินทางไปโอกินาวา และพบกับเหล้า “อาวาโมริ” ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 600 ปีก่อน

ซึ่งข้าวที่ใช้คือข้าวอินดิก้า คือข้าวยาวที่ประเทศไทยมีอยู่จำนวนมาก โดยไทยส่งออกข้าวอินดิก้าไปญี่ปุ่นทั้งหมด 2 แสนตัน ตกกิโลกรัมละ 10-20 บาท แล้วญี่ปุ่นก็ส่งออกเหล้าอาวาโมริกลับมาขายให้กับประเทศไทย ตกลิตรละ 2,500 บาท มูลค่าเพิ่มถึง 170 เท่า

ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของคราฟต์เบียร์มีมูลค่าตลาดอยู่ที่อยู่ที่ 122-180 ล้านบาท หรือประมาณ 0.01% ของมูลค่าตลาดเบียร์ทั้งหมดในประเทศ ส่วนสุราชุมชน มูลค่าตลาดอยู่ที่ 2,800-3,200 ล้านบาท เก็บรายได้จากภาษีสรรพสามิตจากสุราชุมชนได้ประมาณปีละ 1 พันล้านบาท ขณะที่ในภาพรวมหากมีการปลดล็อกสุราได้จะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 1.5 – 2 หมื่นล้านบาทต่อปี

โดยนายพิธา บอกว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ยังมีงานต้องทำอีกมากมาย ทั้งการเผยแพร่ความรู้ การศึกษา การรับฟังความคิดเห็น ซึ่งมีแผนงานจะเดินทางไปดูสุราพื้นบ้านที่อีสานและภาคเหนือในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และหวังว่าจะสามารถนำเสนอร่างกฎหมายนี้เข้าสู่สภาได้ก่อนการปิดสมัยประชุมนี้

ขณะที่นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้เปิดเผย 3 เนื้อหาหลักของร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ว่า

1 .การแก้ไขมาตรา 153 ของ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ห้ามกำหนดเงื่อนไขที่เป็นการกีดกันไม่ให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้ามาผลิตสุรา ห้ามจำกัดกำลังการผลิต กำลังการผลิตของเครื่องจักร และจำนวนคนงาน

2.การทำโครงสร้างภาษีขั้นบันไดตามขนาดกำลังการผลิต เพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กสามารถทำธุรกิจแข่งขันภายใต้โครงสร้างต้นทุนที่แข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่และต่างประเทศได้ และ 3.ปลดล็อกการปรุงแต่งสุรา จากการแต่งกลิ่นแต่งสี และหมักสมุนไพรต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าทางการเกษตรในประเทศไทย

ด้านนายสมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร นายกสมาคมสุราชุมชนไทย กล่าวว่า นานกว่า 10 ปี ที่สมาคมสุราชุมชนไทยได้พยายามผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายสุรามาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองต่างๆ มักจะมีกลุ่มทุนใหญ่หนุนหลังมาโดยตลอด

การแก้ไขกฎหมายสุราจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เมื่อมีพรรคการเมืองที่จะผลักดันสุราชุมชนให้เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมก็เป็นอีกความหวังที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง