ตร.รอผลลายเซ็นเบิกจ่ายโกง สจล.10วัน ขณะกิตติศักดิ์ ตัวการสำคัญ เร่งประสานอังกฤษล่าตัวกลับไทย ส่วนเหตุไฟไหม้”ไทยพาณิชย์”สอบแล้ว70ปาก ยังไม่แจ้งข้อหาใคร
วันที่ 11 ก.พ. 58 พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการปราบปราม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน คดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท และคดีเพลิงไหม้ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เผยว่า
ในคดีคดียักยอกเงิน สจล. ขณะนี้ ได้ส่งเอกสารการเบิกจ่ายเงินและแคชเชียร์เช็ค ซึ่งมีลายเซ็นของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งทางฝั่งของ สจล. และธนาคารไทยพาณิชย์ ประมาณ 7-8 คน ให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือของกองพิสูจน์หลักฐานพิสูจน์ทราบแล้วว่าเป็นลายเซ็นจริงหรือไม่
โดยมีการส่งลายเซ็นตัวจริงไปเทียบเคียง คาดว่าใช้เวลาประมาณ 10 วัน จึงจะรู้ผล ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้ ยืนยัน ได้หลักฐานทางคดีจากธนาคารไทยพาณิชย์ ครบถ้วนแล้ว
ส่วนการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคนสำคัญที่หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ทางอัยการได้ประสาน ทางการอังกฤษให้ช่วยติดตามและส่งตัวตามสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยแล้ว
ส่วนกรณีเพลิงไหม้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ (SCB) มีความคืบหน้ามาก ขณะนี้ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานหาสาเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งยังระบุไม่ได้ว่าผลออกมาเมื่อใด นอกจากนี้ จะเร่งนำข้อมูลจากการเข้าตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุจากกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อมาประกอบกับความชัดเจนของคดี
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทีมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้เข้าสำรวจพื้นที่บริเวณชั้น 9 ถึง ชั้น 11 โซน เอ ของอาคารที่เกิดเหตุ โดยได้นำเครื่องอัลตร้าโซนิคสแกนตรวจสอบถึงความปลอดภัยพื้นคอนกรีต และโครงเหล็กแกนเสา รวมทั้งได้นำกล้องตรวจสอบความเอียงของพื้น และนำตัวอย่างระบบสปริงเกอร์ที่ใช้แก๊สไพโรเจนเป็นสารเคมีในการดับไฟแทนน้ำไปตรวจสอบด้วย คาด ทราบผลอีก 1 สัปดาห์
ส่วนความคืบหน้าข้อมูลการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น ขณะนี้ทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 70 ปาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่ทำงานอยู่บริเวณชั้นที่เกิดเหตุ และจะเร่งสอบปากคำเพิ่มเติมบุคคลอื่นที่อาจเกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด โดยจะต้องพิจารณาข้อมูลทั้งหมดให้รอบคอบและรัดกุมมากที่สุดก่อน
MThai News