สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และคณะผู้นำเมียนมา เข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับทวิภาคี รวมถึงปีแห่งวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน-เมียนมา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ม.ค.)
อูวิน มยิน ประธานาธิบดีเมียนมา กล่าวว่าเมียนมาและจีนมีประวัติศาสตร์การแลกเปลี่ยนฉันมิตรอันยาวนาน ประชาชนของทั้งสองประเทศมีความผูกพันฉันพี่น้อง โดยเมียนมาและจีนก้าวเดินบนเส้นทางร่วมกันนับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 70 ปีก่อน
บรรดาผู้นำของทั้งสองประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนฉันมิตรอย่างใกล้ชิด และหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 5 ประการ (Five Principles of Peaceful Coexistence) ที่ทั้งสองประเทศต่างสนับสนุนกลายเป็นบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การเดินทางเยือนและเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ของสีจิ้นผิงมิเพียงสะท้อนมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศและประชาชน แต่ยังสร้างหมุดหมายใหม่ของสายสัมพันธ์เมียนมา-จีน โดยเมียนมาจะเดินหน้ากระชับความร่วมมือด้านต่างๆ กับจีนให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น
ซูจีระบุ เป็นการเริ่มต้นปีที่ดีของเมียนมา
อองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา ยกย่องการเข้าร่วมพิธีข้างต้นของคณะผู้นำเมียนมาและจีน พร้อมเผยว่าสถานการณ์ภายในประเทศเมียนมาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร รัฐบาลจะยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาสายสัมพันธ์อันเป็นมิตรกับจีน
ซูจีชี้ว่าการเดินทางเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการของสีในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญของการสร้างสรรค์ประชาคมเมียนมา-จีนที่มีอนาคตร่วมกัน
เมียนมาสนับสนุนและเข้าร่วมแผนริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (BRI) ของจีนอย่างแข็งขัน และวาดหวังผลลัพธ์อันดีงามจากการสรรค์สร้างระเบียงเศรษฐกิจเมียนมา-จีน
เมียนมามุ่งแสวงหาทางส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและระหว่างประชาชนกับจีนให้ลึกซึ้งกว่าเดิม เพื่อประสานแรงสนับสนุนสายสัมพันธ์ฉันมิตรจากสาธารณชน
เมียนมาเชื่อมั่นว่าจีนภายใต้การนำของสีจะบรรลุเป้าหมายแห่งศตวรรษ 2 ประการ และเป้าหมายการฟื้นฟูชาติ โดยการพัฒนาของจีนจะมอบโอกาสแก่เมียนมาและโลกยิ่งขึ้น
ซูจีเสริมว่าเมียนมาพร้อมจับมือกับจีนและโลกในการสร้างประชาคมมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกัน และพร้อมมีส่วนร่วมส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาของโลก
มิตรภาพ “ฉันพี่น้อง” (Paukphaw) ผ่านเวลานับพันปีนั้นแข็งแกร่ง
ด้านสีจิ้นผิงแสดงความยินดีที่ได้เข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-เมียนมา รวมถึงปีแห่งวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน-เมียนมา
สีกล่าวว่านับเป็นเหตุการณ์น่าจดจำในประวัติศาสตร์การแลกเปลี่ยนฉันมิตรระดับทวิภาคีอันยาวนาน ซึ่งประชาชนทั้งสองประเทศจะร่วมกันเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่
ประชาชนชาวจีนและเมียนมาพานพบสายสัมพันธ์ฉันมิตรมาเนิ่นนานหลายพันปี โดยเฉพาะไมตรีอันยืนยงและธรรมเนียมการร่วมทุกข์ร่วมสุขอันยิ่งใหญ่
วัฒนธรรมจีนและเมียนมาต่างมี “ความผูกพันร่วม” เนื่องจากทั้งสองประเทศเชื่อมถึงกันทางภูมิศาสตร์และประชาชนเกี่ยวโยงกันเป็นเครือญาติ ผสานวัฒนธรรมเข้ากันอย่างเป็นธรรมชาติ
มิตรภาพ “ฉันพี่น้อง” (Paukphaw) ที่ถูกพิสูจน์ด้วยกาลเวลานับพันปีนั้นแข็งแกร่ง เป็นกำลังขับเคลื่อนและขุมพลังเบื้องหลังความสัมพันธ์จีน-เมียนมา
สีกล่าวกระตุ้นทั้งสองฝ่ายเพิ่มการเรียนรู้ระหว่างกันและขยับขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน เพื่อชี้ชวนประชาชนร่วมมีส่วนได้ส่วนเสีย ตักตวงประโยชน์ และสนับสนุนมิตรภาพจีน-เมียนมาเพิ่มขึ้น ประสานแรงสนับสนุนสายสัมพันธ์ฉันมิตรจากสาธารณชน
นอกจากนั้นสีสำทับว่าเพื่อผลักดันสายสัมพันธ์จีน-เมียนมาในยุคใหม่ ทั้งสองประเทศจำต้องก่อร่างสร้างตนบนความสำเร็จในอดีต ยึดมั่นเจตจำนงร่วม และบุกเบิกเส้นทางใหม่ด้วยกัน
“ประธานาธิบดีอูวิน มยิน และผมเห็นพ้องต้องกันว่าการเยือนครั้งนี้เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของความมุมานะร่วมสร้างประชาคมจีน-เมียนมาที่มีอนาคตร่วมกัน”
“ฉันทามติทางการเมืองอันสลักสำคัญนี้สะท้อนความผูกพันพิเศษระหว่างจีนและเมียนมาที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างมาก”
สี จิ้นผิง
“บ่งบอกมิตรภาพฉันพี่น้องระหว่างประชาชนที่สนับสนุนกันและกันไม่ว่าทุกข์หรือสุข”
สีเรียกร้องทั้งสองฝ่ายเดินตามวิสัยทัศน์ร่วมของประชาคมจีน-เมียนมาที่มีอนาคตร่วมกัน ปฏิบัติตามผลประโยชน์พื้นฐานของประชาชน เพิ่มพูนความไว้วางใจทางการเมืองและความร่วมมืออันเป็นรูปธรรม เพื่อการเป็นเพื่อนบ้าน มิตรสหาย พี่น้อง และหุ้นส่วนที่ดีตลอดไป
หลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 5 ประการ ที่ริเริ่มโดยจีนและเมียนมา มีส่วนสำคัญต่อประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โลกวันนี้เผชิญความเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งและไม่เคยพบเจอในห้วงศตวรรษ ประเทศต่างๆ เชื่อมโยงใกล้ชิดกลายเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน
อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังคงขาดแคลนความเสมอภาคและความยุติธรรมอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งการปกป้องสันติภาพและส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันก็ยังคงเป็นเป้าหมายอันท้าทาย
สีเน้นย้ำว่าหลักการฯ สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่ในปัจจุบันยิ่งกว่าอดีตที่ผ่านมา จีนและเมียนมาสามารถเป็นแบบอย่างการสนับสนุนและการประยุกต์ใช้หลักการฯ ด้วยการทำงานร่วมกัน และเป็นต้นแบบการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ
“เราสามารถปลุกเร้าทุกฝ่ายมาร่วมแรงร่วมใจสร้างสรรค์ประชาคมมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกันได้” สีกล่าว
สียังอ้างอิงวาทะของเฉิน อี้ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน ผู้ประพันธ์บทกวีในทศวรรษ 1960 ที่เปรียบเปรยมิตรภาพ “ฉันพี่น้อง” ระหว่างจีน-เมียนมา เหมือนแม่น้ำสายยาว แสดงความเชื่อมั่นว่าด้วยความพยายามร่วมกัน กระแสธารมิตรภาพและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาร่วมกันระหว่างจีน-เมียนมาจะพวยพุ่งสู่เบื้องหน้า เฉกเช่นแม่น้ำหลานชาง (ล้านช้าง) และแม่น้ำอิรวดี ที่มีต้นกำเนิดเดียวกันและไหลผ่านขุนเขาอย่างมิหยุดหย่อนผ่อนแรง
ทั้งนี้ หลังจากกล่าวสุนทรพจน์เสร็จสิ้น สีจิ้นผิง และอูวิน มยิน ร่วมกันเริ่มต้นปีแห่งวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน-เมียนมา โดยคณะผู้นำของทั้งสองประเทศร่วมรับชมการแสดงจากกลุ่มศิลปินจีน-เมียนมา
ขณะที่ก่อนเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองข้างต้น สีและคณะผู้นำของเมียนมาร่วมชมนิทรรศการภาพถ่ายบันทึกความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-เมียนมาตลอด 70 ปีที่ผ่านมา รวมถึงหารือกับ ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภาของเมียนมาด้วย
สีจิ้นผิง เดินทางถึงเนปยีดอ เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.) เพื่อเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของปี 2020 และเป็นการเยือนเมียนมาของผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนครั้งแรกในรอบ 19 ปี
ที่มา – สำนักข่าวซินหัว