ประเด็นน่าสนใจ
- คนแห่แชร์ข้อความอ้างทานงาดำเป็นเวลานานเสี่ยงหน้าดำ ท้องถูก
- อ.เจษฯ จึงแจงว่าไม่จริง แม้การกินงาดำจะมีข้อจำกัด
- การกินงาดำควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพราะถือเป็นธัญพืชที่มีประโยชน์มาก
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา อ.เจษฎา เด่นดวง บริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจ Jessada Denduangboripant ชี้แจงถึงกรณีที่มีข้อความอ้างว่า มีหญิงสูงวัยรายหนึ่งทานงาดำเป็นจำนวนมากเป็นเวลานานทำให้ใบหน้ามีรอยดำและเหี่ยวย่น จนเกิดเป็นที่วิตกกังวลต่อผู้ที่ได้รับข่าวสารดังกล่าว ว่า
เรื่องนี้ไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะที่มาของเรื่องก็ไม่ชัดเจน เหมือนเป็นเรื่องเล่าที่แชร์ต่อ ๆ กันมา ไม่ได้น่าเชื่อถืออะไรขนาดนั้น ซึ่งเรื่องอย่างนี้ ควรจะต้องปรึกษาแพทย์ ไม่ใช่แค่เภสัชกร
“งาดำ มีข้อจำกัดในการกิน แต่ไม่น่าจะเป็นอันตรายขนาดที่แชร์กันครับ”
มีคำถามหลังไมค์มา เกี่ยวกับรูปที่แชร์กันว่า มีอาม่าอายุ 85 ปี ได้รับการวินิจฉัยจากเภสัชกรสาวคนหนึ่งว่า เจอพิษจากการกินงาดำที่เอามาผสมข้าวกินทุกวัน เลยทำให้ได้รับโลหะทองแดงจากงาดำ มีความเป็นพิษสูง ไปสะสมที่ใบหน้าจนเป็นรอยดำ แถมทำให้ท้องผูกด้วย จึงให้หยุดกินทันที ก่อนจะเป็นอันตรายมากกว่านี้ !
โพสต์นี้ทำให้คนแตกตื่นกันมาก เพราะว่าหลายคนก็นิยมเอางาดำมาบริโภคกันมันเป็นอาหารเสริม .. ทั้งๆที่ ที่มาของเรื่องเองก็ไม่ชัดเจน เหมือนเป็นเรื่องเล่าที่แชร์ต่อ ๆ กันมา ไม่ได้น่าเชื่อถืออะไรขนาดนั้น … แล้วจริงๆ เรื่องอย่างนี้ ควรจะต้องปรึกษาแพทย์ ไม่ใช่แค่เภสัชกรด้วย
ลองมาดูข้อเท็จจริงเกี่ยวกับงาดำดูบ้าง
งาดำ นั้น เป็นพืชที่มีคนนำมาใช้ประโยชน์นานมากแล้ว โดยคนอินเดีย จีน และประเทศอื่นๆ ในแถบเอเซีย จะใช้งาทำเป็นนํ้ามันเพื่อปรุงอาหาร ส่วนชาวยุโรปจะนำงามาทำเค้ก ไวน์ และนํ้ามัน
ประโยชน์และสรรพคุณงาดำ มีตั้งแต่ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยบำรุงผม ผิวพรรณ กระดูก เล็บ ช่วยระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยป้องกันโรคภาวะกระดูกพรุน แก้เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ปวดบวม ลดการอักเสบ เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน ลดความอ้วน ฯลฯ
ในเมล็ดงานั้น มีน้ำมันอยู่ราว 45-55% ประกอบด้วยกรดไขมันเช่น oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid นอกจากนี้ยังมี สารกลุ่ม lignan ชื่อ Sesamin , sesamol, d-sesamin, sesamolin และสารอื่นๆ เช่น sitosterol
งาดำ แม้มีธาตุทองแดงผสมอยู่มาก แต่ไม่ได้มากมายจนเป็นอันตราย
งาดำ มีแร่ธาตุหลายตัวที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ ธาตุแคลเซียม เหล็ก ซีลีเนียม ฟอสฟอรัส สังกะสี โพแทสเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส รวมถึงธาตุทองแดงด้วย ซึ่งในงาดำ 100 กรัมมี ธาตุทองแดง 4.082 มิลลิกรัม ถือว่าสูงดี เมื่อเทียบกับธัญพืชอื่น แต่ก็ไม่ได้สูงมากมาย จนจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
การบริโภคงาดำ ร่วมกับอาหารปกติ จึงไม่น่าอันตรายอย่างไร .. ถึงกระนั้น ก็มีข้อควรระวังในการบริโภคงาดำอยู่บ้าง ดังต่อไปนี้
– งา อาจทำให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำเกินไป ในผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ
– ผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมทั้งผู้ที่ต้องผ่าตัด ควรระมัดระวัง เพราะอาจส่งผลให้ระดับของน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป
– บางราย อาจมีอาการแพ้ได้ เช่น ลมพิษ ริมฝีเปลือกตาปากบวมแดง คันจมูก หายใจลำบาก ความดันโลหิตลดลงจนช็อกหมดสติ โดยอาจเกิดขึ้นทันที หลังจากรับประทาน 90 นาที
– หากกินมากเกินไป จะทำให้เกิดการระบายมาก จนนำไปสู่อาการท้องร่วงได้
สรุป คือ อย่าเพิ่งแตกตื่นตกใจมากเกินไป จนเลิกกินอาหารที่มีประโยชน์ อย่างงาดำ เพียงแต่ว่าควรจะกินในปริมาณที่เหมาะสม และควรจะเคี้ยวให้ละเอียดด้วยครับ