เปิดข้อความจากเพจ สรยุทธ หลังศาลฎีกาตัดสินคดีไร่ส้ม ย้ำขอน้อมรับคำตัดสิน

ภายหลังศาลฎีกาได้มีการพิพากษาแก้โทษจำคุก นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในคดีทุจริตค่าโฆษณาไร่ส้ม เป็น 6 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญานั้น แอดมินเพจเฟซบุ๊ก “สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว” ได้โพสต์ข้อความอ้างว่า…

Home / NEWS / เปิดข้อความจากเพจ สรยุทธ หลังศาลฎีกาตัดสินคดีไร่ส้ม ย้ำขอน้อมรับคำตัดสิน

ประเด็นน่าสนใจ

  • รับตลอด 4 ปีที่ไม่ได้ทำงานรู้สึกทรมานมาก แต่ต้องยอมรับให้ได้
  • จากนี้ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ติดลบ
  • ขอบคุณทุกกำลังใจ จากนี้ค่อยเจอกันใหม่

ภายหลังศาลฎีกาได้มีการพิพากษาแก้โทษจำคุก นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในคดีทุจริตค่าโฆษณาไร่ส้ม เป็น 6 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญานั้น แอดมินเพจเฟซบุ๊ก “สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว” ได้โพสต์ข้อความอ้างว่า เป็นของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่เขียนขึ้นหลังทราบผลการตัดสิน โดย ระบุว่า

  1. ผมยอมรับคำพิพากษา โดยไม่คิดว่าจะหลบหนี เพราะนั่นเท่ากับผมไม่เคารพกระบวนการของกฎหมายบ้านเมืองที่ผมเกิดและเติบโตมา แน่นอนว่าผมย่อมกลัวการติดคุกติดตาราง แต่ชีวิตผมไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่ได้สุขสบาย ไม่เคยลำบากตรากตรำ จนจะไปใช้ชีวิตในเรือนจำไม่ได้

    หรืออยู่ลำบากไม่ได้ บางทีระหว่างที่ผมใช้ชีวิตทำงานมาร่วม 30 ปี ถ้าพูดถึงความยากลำบากทางกาย อาจจะลำบากกว่าการใช้ชีวิตในเรือนจำ แต่สำคัญที่ร่วม 30 ปี นั้น ผมมีอิสรภาพ
  2. ร่วม 30 ปี ผมไม่เคยได้นอนหลับเต็มอิ่ม ทำงานที่ผมรักตลอดทั้งวัน ไม่มีวันหยุด เพียงแต่ทุกวัน ที่ตื่นไปทำงาน ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมไปทำงาน ผมแค่ตื่นออกไปใช้ชีวิตของผม แม้จะยากลำบากทางกาย แต่ผมก็สุขใจแบบของผมเสมอมา

    กุมภาพันธ์ ปี 2559 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาผม และผมต้องหยุดทำงานที่ผมเคยทำมาทุกวัน ทั้งที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ใครไม่เป็นผม คงไม่รู้ว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน กับการต้องตื่นขึ้นมาทุกวันแล้วไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตของผมอย่างที่เคย
  3. ช่วงนั้นผมไม่กล้าแม้กระทั่งเปิดโทรทัศน์ อย่าว่าแต่รายการที่ตัวเองเคยทำ เพราะถ้าต้องเห็นสิ่งที่ผมรักและเคยทำมาตลอด มันจะหยุดน้ำตาของตัวเองไม่ได้ ผมทำได้อย่างเดียวคือ พยายามลืมชีวิตที่เคยเป็นมา

    สำหรับผม การต้องหยุดทำงาน เหตุเพราะคำพิพากษาของสังคม คือความทุกข์ทรมานที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต เพราะคือการห้ามผมใช้ชีวิต ไม่ใช่แค่การห้ามทำอาชีพของผม อิสรภาพในการใช้ชีวิตของผม หมดไปตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อนแล้ว
  4. ผมติดคุกสังคมมา 4 ปีแล้ว ตลอด 4 ปี ของการต่อสู้คดีก็ไม่เคยมีความสุขเลยแม้แต่วันเดียว ความรู้สึกเสมือนยิ่งสู้ยิ่งแพ้ แต่ก็ต้องสู้ วันนี้ผมคงติดคุกตามคำพิพากษาสูงสุด ความยากลำบากเดียวคือ ทำใจ

    ซึ่งผมยังไม่รู้ว่า จะทำได้ขนาดไหน จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ที่จะทำความคุ้นเคยกับมัน แต่ที่สุดผมก็ต้องยอมรับให้ได้ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป อย่างน้อยวันนี้ชีวิตผมก็จะได้เริ่มต้นใหม่เสียที แม้จะต้องเริ่มต้นจากติดลบอยู่ในคุกตะราง จุดต่ำสุดของชีวิต แต่ก็ได้เริ่มต้นซึ่งมันจะมีวันหนึ่งในที่สุดที่จะได้นับหนึ่งใหม่
  5. ขอบคุณทุกคนที่เจอกันก็เข้ามาจับมือให้กำลังใจ ไม่ได้เจอกันก็ส่งกำลังใจมาให้ จนกว่าจะมีโอกาสพบกันใหม่ครับ